ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 2564

หมอญี่ปุ่น ค้านจัดโอลิมปิก กลัวรับเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ 

          สหภาพบุคลากรทางการแพทย์ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย แพทย์จากโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้าจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกรุงโตเกียว 2020 ในวันที่ 23 ก.ค.64 และการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-5 ก.ย.64 เนื่องจาก เห็นว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่ญี่ปุ่นจะรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์จากทั่วโลกองค์กรแพทย์ของญี่ปุ่น เตือนว่า อุปกรณ์การแพทย์ อาจจะขาดแคลน ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานต่อเนื่องมานานหลายเดือนเริ่มเหนื่อยล้านอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดในบางพื้นที่รวมถึงจังหวัดชิบะ เตือนว่า จังหวัดจะไม่จัดสรรเตียงคนไข้ไว้รองรับนักกีฬา โดยเฉพาะกรณีที่เข้าร่วมการแข่งขันแล้วติดเชื้อโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น ขณะที่ บางแห่งยกเลิกการใช้สนามกีฬาของจังหวัดเป็นสถานที่ฝึกซ้อม ก่อนแข่งขันโอลิมปิกของนักกีฬาต่างชาติ

          ขณะนี้ ญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการควบคุมโควิด-19 ระบาดระลอกที่ 4 หลายจังหวัดกลับมาประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน เช่น จังหวัดโอซากา เกียวโต และเฮียวโงะ

ญี่ปุ่น ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ วันเดียวมากกว่า 7,000 คน

          กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่เมื่อวันพุธที่ 12 พ.ค. 64 จำนวน 7,056 คน เป็นการพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 7,000 คน เป็นครั้งแรกในช่วงเวลา 4 วันที่ผ่านมา

         ด้านทางการจังหวัดฮอกไกโด บนเกาะฮอกไกโด เกาะใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีกประมาณ 700 คน หลังจากเริ่มเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดฮอกไกโดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อต้นเดือนพ.ค.64 และคาดว่าเชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ บนเกาะฮอกไกโด

         ส่วนทางการกรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่นยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ในวันเดียวถึง 969 คน นับเป็นวันที่สองติดต่อกันที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงโตเกียวเกินกว่า 900 คน ส่วนที่จังหวัดโอซากา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 851 คน

สิงคโปร์ พบติดเชื้ออีก 24 คน 17 คน เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ใหญ่ของสนามบินชางงี

         ทางการสิงคโปร์ รายงานสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

-ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 32 คน

-ผู้ติดเชื้อในประเทศถึง 24 คน โดยพบว่ามีถึง 17 คน ที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์สนามบินชางงี ที่มีผู้ติดเชื้อไปแล้วรวม 43 คน ทางการสิงคโปร์ได้มีการประกาศให้ประชาชนที่ไปใช้บริการอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 ของสนามบินชางงี เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรีแล้ว เพื่อหวังเร่งสกัดการระบาดของคลัสเตอร์สนามบิน พร้อมทั้งสั่งปิดจีเวล ชางงี แอร์พอร์ต หรือศูนย์การค้าของสนามบินชางงี อาคารผู้โดยสาร 1 และ 3 เป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยพนักงานที่ทำงานในอาคารดังกล่าว ต้องเข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เริ่มตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนอาคารผู้โดยสารหมายเลข 2 ได้ปิดให้บริการมาตั้งแต่ 1 พ.ค.64

-ผู้ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศ 8 คน อยู่ระหว่างกักตัวเองที่บ้าน หลังจากที่เดินทางเข้าประเทศมา

ไต้หวัน พบคนติดเชื้อในประเทศรายใหม่ เชื่อมโยงกับโรงน้ำชา

          ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคไต้หวัน แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 25 คน

-ติดเชื้อในประเทศ 13 คน มีความเชื่อมโยงกับโรงน้ำชา ในเขตว่านหัว ของกรุงไทเป เทศบาลเมืองอี๋หลาน และอำเภอหลัว ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังตรวจสอบเชิงลึกถึงความเชื่อมโยงในกลุ่มผู้ติดเชื้อใน 3 พื้นที่

-ติดเชื้อจากต่างประเทศ12 คน ประกอบด้วย ชาวฟิลิปปินส์ วัย 20-30 ปี จำนวน 5 คน ชายชาวไต้หวัน วัย 40 ปี ที่กลับมาจากยูกันดา 1 คน และชาย-หญิงชาวไต้หวัน วัย 20-30 ปี จำนวน 6 คนที่กลับมาจากอินเดีย ทั้งหมดมีผลตรวจโควิด-19 ก่อนเดินทางเป็นลบ เมื่อมาถึงไต้หวันก็เข้ารับการตรวจโควิด-19 ซ้ำอีกและยืนยันผลว่าติดเชื้อ

15-31 พ.ค.ฟิลิปปินส์ คลายล็อก กรุงมะนิลาและ 4 จังหวัด ทำกิจกรรมทางศาสนาได้

          ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวว่า รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์กรุงมะนิลาและ 4 จังหวัดใกล้เคียง ระหว่างวันที่ 15-31 พ.ค. 64 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงจากเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน

          รัฐบาลอนุญาตให้มีการรวมตัวกันในการทำกิจกรรมทางศาสนา และสามารถรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร แต่ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนคงการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม

          กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 6,385 คน ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 1,124,724 คน สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รองจากอินโดนีเซีย

          ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 107 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม18,821 ราย เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน เช่นกัน

วันนี้ เมียนมา ปล่อยตัวผสข.ญี่ปุ่น ที่ถูกจับ เห็นแก่มิตรภาพ

          กองทัพเมียนมา แถลงว่า ในวันนี้ จะปล่อยตัว นายยูกิ คิตะซูมิ ผู้สื่อข่าวอิสระชาวญี่ปุ่น วัย 45 ปี หลังจากที่เขาถูกจับเมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 ในข้อหาเผยแพร่ข่าวปลอม และสนับสนุนขบวนการต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ความผิดของนายคิตะซูมิ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี

          แถลงการณ์ของสภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา ระบุว่า รัฐบาลเมียนมา ได้ตัดสินใจเรื่องดังกล่าว เนื่องจากความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างเมียนมาและญี่ปุ่น และผู้แทนพิเศษของรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องขอให้ปล่อยตัว จึงได้ถอนข้อกล่าวหาและตัดสินใจปล่อยตัว

          ก่อนหน้านี้นายคิตะซูมิ เคยทำงานที่ฝ่ายข่าวธุรกิจประจำหนังสือพิมพ์นิกเกอิ และเป็นผู้เขียนรายงานข่าวการประท้วงในเมียนมาให้กับสื่อต่างๆของญี่ปุ่น รวมถึงรายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางสื่อออนไลน์ เคยถูกกองกำลังความมั่นคงควบคุมตัวในช่วงเวลาสั้นๆ จากการรายงานเหตุประท้วงในกรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ 26 ก.พ.64

กลุ่มดาร์กไซด์ เตรียมโจมตีอีก 3 บริษัท หลังแฮกข้อมูล‘โคโลเนียล ไปป์ไลน์’

          สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า กลุ่มอาชญากรดาร์กไซด์ (DarkSide) ได้โพสต์บนเว็บไซต์ของกลุ่มว่าจะโจมตีบริษัทอีก 3 แห่ง ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุโจมตีทางไซเบอร์กับท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งสร้างความหวาดระแวงไปทั่วโลกตลอดช่วงสัปดาห์นี้ บริษัทที่ตกเป็นเป้าหมายอยู่ในสหรัฐฯ บราซิล และสกอตแลนด์

          ข้อมูลของกลุ่มแฮกเกอร์ ระบุว่า บริษัทที่ตกเป็นเป้าหมายในสหรัฐฯ เป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งกลุ่มดาร์กไซด์ อ้างว่าได้ขโมยข้อมูลสำคัญไปกว่า 600 กิกะไบต์ได้แก่ รหัสผ่าน ข้อมูลการเงิน ข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล และข้อมูลพาสปอร์ตของพนักงาน

          บริษัทอีกแห่งในบราซิล เป็นธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ซึ่งทางกลุ่มอ้างว่า ได้ขโมยข้อมูลของบริษัทไปกว่า 400 กิกะไบต์ ประกอบด้วยข้อมูลของลูกค้าและรายละเอียดสัญญาต่างๆ

           ส่วนบริษัทแห่งที่สามเป็นบริษัทด้านการก่อสร้างอยู่ในสกอตแลนด์ โดยกลุ่มระบุว่าได้โจรกรรมข้อมูลสัญญา การทำธุรกิจ และข้อมูลส่วนบุคคลย้อนหลังสามปีไปราว 900 กิกะไบต์

'โคโลเนียล ไปป์ไลน์' ยอมจ่ายเงินแฮกเกอร์เกือบ 160 ล้านบาท หลังถูกโจมตี

          บลูมเบิร์ก รายงานว่า บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้บริหารท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้ยอมจ่ายเงินให้แก่แฮกเกอร์เป็นจำนวนเงินเกือบ 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 160 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเปิดท่อส่งน้ำมัน หลังจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยจ่ายเป็นสกุลเงินคริปโตเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังถูกโจมตี

          ล่าสุด บริษัทได้กลับมาเปิดการดำเนินงานของท่อส่งน้ำมันแล้ว แต่ต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายวันเรื่องของระบบการขนส่ง บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ทำให้การลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง

          ขณะที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ท่อลำเลียงน้ำมันโคโลเนียล น่าจะกลับสู่ปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์แล้ว และคาดหมายว่าสถานการณ์ทางพลังงานจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงสุดสัปดาห์

-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.64 ลดลง 2.26 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 63.82 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนก.ค.64 ลดลง 2.27 ดอลลาร์ สหรัฐฯ ปิดที่ 67.05 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล