ญี่ปุ่นเผยผลศึกษา ย้ำไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษ ทำให้คนไข้ป่วยหนักขึ้น

13 พฤษภาคม 2564, 16:51น.


            นพ.ซูซูกิ โมโตอิ หัวหน้าศูนย์เฝ้าระวังโรคติดต่อ สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากการวิจัยโดยวิธีตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ PCR หรือวิเคราะห์ DNA จากคนไข้กว่า 15,000 คนที่ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษหรือ สายพันธุ์ N501Y จากกลุ่มตัวอย่างที่ทีมวิจัยศึกษารวมทั้งสิ้น 207,000 คน ใช้เวลาศึกษา 3 เดือนจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ทีมวิจัยพบว่า คนไข้ 475 คนที่ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอังกฤษ มีอาการหนักกว่าเดิมถึง 1.4 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสดั้งเดิม  โดยจะมีอาการท้องร่วงรุนแรงกว่า หรือระบบการทำงานของอวัยวะหลายๆอย่างล้มเหลวมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้อายุ 40-64 ปี มีอัตราการป่วยหนักกว่าเชื้อไวรัสดั้งเดิมในอัตราร้อยละ 66



          ทีมวิจัยเห็นว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินในปีนี้ อาจจะมีผล ในแง่ของการควบคุมโรค แตกต่างจากการประกาศภาวะฉุกเฉินในปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จากอังกฤษ เริ่มกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในญี่ปุ่น มีจุดเด่นคือแพร่ระบาดเร็วกว่า และระบาดนานกว่าเชื้อไวรัสดั้งเดิมในปีที่แล้ว



          ทีมนักวิจัยยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะเปรียบเทียบอันตรายระหว่างเชื้อไวรัสกลายพันธุ์กับเชื้อไวรัสดั้งเดิมอย่างแม่นยำ เนื่องจากในปัจจุบันยังมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ไม่มากนัก แต่ทีมวิจัยหวังว่าผลการวิจัยเรื่องนี้จะเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐในการจัดทำแผนป้องกันและการรักษาโรคโควิด-19 บนพื้นฐานของข้อสันนิษฐานว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์มีแนวโน้มทำให้คนไข้เจ็บป่วยรุนแรงหนักกว่าปกติ



          ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยสะสม 651,702 คน เสียชีวิต 11,064 ราย



Cr: NHK, NPR

ข่าวทั้งหมด

X