วารสารการแพทย์เดอะ แลนเซต เผยแพร่งานวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเกี่ยวกับการทดลองใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จาก 2 บริษัทร่วมกัน แต่หากฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นของบริษัทแอสตราเซเนกาและฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 จะทำให้ผู้รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์มากกว่าการรับวัคซีนของบริษัทเดิมจำนวน 2 เข็ม
นักวิจัยได้เริ่มศึกษาแนวทางการใช้วัคซีนจาก 2 บริษัทร่วมกัน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประเทศรายได้ปานกลาง-ต่ำหลายแห่งในการจัดการปัญหาขาดแคลนวัคซีน และคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์จึงจะได้ข้อสรุป
โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย หรือปวดศีรษะ ซึ่งดร.แมทธิว สเนป รองศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์และวัคซีนจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและหัวหน้าผู้ตรวจสอบการทดลอง กล่าวว่าอาการเหล่าเป็นปฏิกิริยาทั่วไปที่เกิดขึ้นหลังจากการรับวัคซีน และสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว โดยในการทดลองผู้รับวัคซีน 830 คน อายุมากกว่า 50 ปี ได้รับการสุ่มกำหนดตารางการฉีดวัคซีน 2 ชนิดที่แตกต่างกัน 4 แบบ (แอสตราเซเนกา/แอสตราเซเนกา, ไฟเซอร์/ไฟเซอร์, แอสตราเซเนกา/ไฟเซอร์, ไฟเซอร์/แอสตราเซเนกา) โดยรับการฉีด 2 เข็มห่างกัน 28 วัน
นักวิจัยพบว่า อาการไม่พึงประสงค์จะเกิดขึ้นหลังจากได้รับวัคซีนครั้งที่ 2 โดยร้อยละ 34 ของผู้ที่รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรกและไฟเซอร์เข็มที่ 2 จะมีไข้
หากรับวัคซีนของแอสตราเซเนกาทั้ง 2 เข็มผู้รับวัคซีนประมาณร้อยละ 10 จะมีไข้
หากรับวัคซีนเข็มแรกเป็นไฟเซอร์ เข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกา ผู้ที่รับวัคซีนร้อยละ 41 จะมีไข้
แต่หากรับไฟเซอร์ 2 เข็มผู้ที่มีไข้จะอยู่ที่ร้อยละ 21
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่มีอาการหนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดข้อ ไม่สบายตัวและปวดกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถใช้อะเซตามีโนเฟน (acetaminophen ชื่อทางการค้า Tylenol, Paracetamol) เพื่อลดอาการ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงหลังการฉีดวัคซีน และไม่มีผู้ใดที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล กับไม่พบอาการลิ่มเลือดอุดตัน
ขณะนี้นักวิจัยกำลังทดสอบการฉีดวัคซีนแบบผสมที่ผลิตโดยโมเดอร์นาและโนวาแว็กซ์ และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประเมินการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันตามตารางประเภทต่างๆ ต่อไป
...