สหรัฐฯพบผู้มีอาการลิ่มเลือดหลังฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมากขึ้น

          ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือซีดีซี เปิดเผยว่าพบผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้น และกำลังมีการวิเคราะห์หาสาเหตุ

          ซีดีซี ระบุในรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2564 ในกลุ่มผู้รับวัคซีนเกือบ 8,000,000 คนมี 17 คนที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) คณะกรรมการที่ปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสร้างภูมิคุ้มกันจึงแนะนำให้หยุดการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นเวลา 10 วันเพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัย แต่ล่าสุดที่มีผู้รับการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมากกว่า 8,700,000 คน พบว่ามี 28 คนที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ โดย 3 คนในกลุ่มนี้เสียชีวิต

          ซีดีซี ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นกับวัคซีนแอสตราเซเนกาในยุโรป โดยวัคซีนทั้ง 2 ชนิดใช้เทคโนโลยีใหม่อะดีโนไวรัส (adenoviruses) เป็นพาหะด้วยการตัดแต่งพันธุกรรมไม่ให้แบ่งตัวได้ แล้วนำเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างโปรตีนโคโรนาไวรัสที่เฉพาะเจาะจงเตรียมระบบภูมิคุ้มกันเพื่อสร้างแอนติบอดีที่ต่อสู้กับไวรัสที่แท้จริง

          นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังค้นหากลไกที่เป็นไปได้เพื่ออธิบายอาการลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งสมมติฐานส่วนใหญ่จะชี้ไปที่การทำงานของวัคซีนในการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และอาจเกี่ยวข้องกับพาหะของไวรัส ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุ 18 ถึง 49 ปี แต่ก็พบผู้ป่วยที่เป็นผู้ชายเช่นกันโดยพบ 6 รายและจะเกิดอาการขึ้นหลังการฉีดวัคซีนภายใน 2 สัปดาห์

....