นายสเตฟาน เดอ เคียร์สแมคเกอร์ โฆษกด้านสาธารณสุขของคณะกรรมาธิการยุโรปที่รับผิดชอบเรื่องสาธารณสุข ความปลอดภัยด้านอาหารและคมนาคม เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยุโรปยื่นฟ้องฉบับที่ 2 ต่อศาลในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมในวันนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้บริษัทแอสตราเซเนกาจากอังกฤษ-สวีเดน ปฏิบัติตามสัญญาส่งมอบวัคซีน 300 ล้านโดสให้กับกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ภายในเดือนมิถุนายนนี้ หลังมีแนวโน้มว่าบริษัทอาจจะส่งมอบวัคซีนล่าช้า ซึ่งฟ้องฉบับนี้อาจจะมีผลให้ประเทศสมาชิก 27 ประเทศของกลุ่มอียู สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางการเงินจากการที่แอสตราเซเนกาเนื่องจากการทำผิดสัญญาด้วย
โดยสาระสำคัญของคำฟ้องฉบับที่สองคือ การขอให้ศาลชี้ขาดว่าบริษัทแอสตราเซเนกาละเมิดข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนที่ลงนามไว้กับกลุ่มอียูในปีที่แล้วหรือไม่ ซึ่งศาลได้กำหนดวันไต่สวนมูลฟ้องในวันพรุ่งนี้ พร้อมทั้งกำหนดวันเวลาไต่สวนและวันยื่นพยานหลักฐานของแต่ละฝ่ายต่อไป
นับเป็นการยื่นฟ้องฉบับที่สอง ต่อการคำฟ้องฉบับแรกเมื่อวันที่ 26 เมษายน คราวนั้นเป็นการยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทแอสตราเซเนกาปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งศาลได้นัดฟังคำชี้ขาดสำหรับคำฟ้องฉบับแรกในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ โดยศาลจะชี้ขาดว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่บริษัทจะต้องเร่งส่งมอบวัคซีนให้กับกลุ่มอียูหรือไม่ ก่อนหน้านั้นทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมาทางสื่อมาหลายเดือน สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มอียูคือ โครงการวัคซีนของกลุ่มอียูเกิดปัญหาล่าช้า
ล่าสุด ทีมทนายของกลุ่มอียู ระบุว่า กลุ่มอียู อาจยอมยืดหยุ่นให้บริษัทแอสตราเซเนกา ส่งมอบวัคซีนช้ากว่าสัญญาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งขั้นตอนทางคดี ภายหลังจากยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว กลุ่มอียู ขอให้แอสตราเซเนกาไปเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นศาลต่อไป
Cr: CNN