*กนง.คงดอกเบี้ยรับQEยุโรป/ฟื้นฟูขสมก./รื้อสจล.ทั้งระบบ อำพรโยนทรงกลด*

29 มกราคม 2558, 09:33น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.



+++คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินสถานการณ์ทุนเคลื่อนย้าย หลังจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และธนาคารหลายประเทศลดดอกเบี้ย คาดยังไม่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจากเงินไหลเข้า มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง เห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ร้อยละ 2  เนื่องจากมองว่านโยบายการเงินในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนเพียงพอต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้ง การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ใน ระดับต่ำต่อเนื่องมานานและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น คณะกรรมการมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่มองว่า คิวอีของยุโรปไม่เหมือนกับคิวอีของสหรัฐ เพราะยุโรปแม้จะมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่ม แต่เม็ดเงินอาจไม่ได้ไหลมาทางเอเชียและไทยมากนัก ต่างจากคิวอีของสหรัฐ



+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในสัปดาห์ที่แล้วมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามา แต่เท่าที่ติดตามยังไม่พบการเก็งกำไรที่ผิดปกติ ซึ่งคงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวแน่นอน เพราะการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในครั้งนี้ คือ การเอาเงินเติมในระบบเศรษฐกิจของยุโรปและจะทำเดือนละ 60,000 ล้านยูโรต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน ซึ่งไทยเองก็ต้องเตรียมตัวและตื่นตัวตลอดเวลา ส่วนผลกระทบกับภาคส่งออกหากค่าเงินแข็ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจน เพราะถ้าเงินบาทแข็งจะฉุดการส่งออก แต่ตอนนี้บาทไม่แข็งค่าขึ้นมากนัก การส่งออกของไทยที่ไม่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ว่ากระทรวงพาณิชย์ทำไม่ดี หรือสินค้าเราไม่ดี แต่ผู้ซื้ออ่อนแอ ผู้ซื้อคือสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นไม่ได้ฟื้นตัวจริง ซึ่งทั้ง 3 ประเทศนี้เป็นสัดส่วนประมาณ 27-28%ของการส่งออกของไทย



++++นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กนง.คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2%ไม่น่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ควรจะเร่งดำเนินการคือ เร่งการเบิกจ่ายของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากที่สุด เนื่องจากถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย   ขณะที่ความห่วงใยในเรื่องของระดับหนี้ครัวเรือนนั้น หลายคนมองว่าอยู่ในระดับสูง แต่โดยส่วนตัวมองว่าไม่น่ากังวล เพราะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ระดับของหนี้ครัวเรือนก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้



+++ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้เห็นชอบแผนดำเนินงานดูแลค่าครองชีพประชาชนตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 6 โครงการ เพื่อลดความเดือดร้อนและลดรายจ่ายของประชาชน ประกอบด้วย การร่วมมือกับผู้ประกอบการจัดร้านโลว์คอสต์ดีพาร์ท เมนท์สโตร์ จัดรถธงฟ้าเคลื่อนที่ ตั้งเป้า 2,000 ครั้ง ในปี 58 ตั้งตลาดชุมชน โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดมหกรรมสินค้าช่วงเทศกาลพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเปิดภาคเรียนปี 58 โครงการธงฟ้าครอบคลุมทั่วประเทศ และขยายโครงการหนูณิชย์พาชิม



+++สำหรับโครง การโลว์คอสต์ ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ อยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนที่มีความพร้อมขายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าหมายเปิดในปีนี้ 14 แห่ง และจะขยายให้เป็น 142 แห่ง ภายใน 5 ปี เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัด โดยมีภาคเอกชนเสนอตัวเข้ามาร่วมโครงการแล้ว 1 ราย โดยเป็นผู้ลงทุน และผู้บริหารจัดการภายในร้านทั้งหมด ส่วนสินค้านำมาขายภายในร้าน กระทรวงพาณิชย์ จะประสานผู้ผลิตให้ส่งในราคาต้นทุน ไม่ต้องทำแพ็กเกจจิ้งสวยงาม แต่คุณภาพเหมือนสินค้าเหมือนในท้องตลาด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในทุกมิติ ภายในสัปดาห์หน้านี้ จะหารือการกำหนดพื้นที่เพราะจะกระทบต่อร้านโชว์ห่วย  



+++ด้าน นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง กำลังเร่งหามาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้ น้อย นอกเหนือจากมาตรการที่ได้เคยดำเนินการมาแล้ว โดยจะใช้เวลาในการพิจารณา 3 สัปดาห์ ก่อนนำข้อสรุปรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.พ. 58 ที่ผ่านมาโครงการเหลวแหลกมีจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาพิจารณาว่าจะทำอะไรบ้าง และมีช่องทางให้ทำแน่นอน ขอให้เชื่อใจ เพียงแต่คงต้องใช้เวลาคิดบ้าง



+++ฟื้นฟู ขสมก. นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่ากระทรวงการคลังพร้อมรับโอนภาระขาดทุนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 8-9 หมื่นล้านบาทมาบริหารจัดการ โดยเบื้องต้นอาจนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้หนี้คืน ขณะที่การดำเนินงานของ ขสมก.จากนี้ มีแนวคิดอาจต้องดึงเอกชนเข้ามาร่วมเดินรถในเส้นทางต่างๆ โดยผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.พีพีพี) เพื่อลดปัญหาขาดทุน โดย ขสมก.ทำหน้าที่บริการเดินรถอย่างเดียว ส่วนงานด้านกำกับดูแลจะโอนให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เข้ามาจัดการแทน



+++วันนี้ กรมการค้าต่างประเทศเปิดยื่นซองประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลแบบยกคลัง รวม 9.99 แสนตัน ในคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รวม 168 คลัง 36 จังหวัด  รอดู บริษัท สยามอินดิก้า ที่พัวพันการทุจริตขายข้าวแบบจีทูจีจะยื่นซองด้วยหรือไม่



+++สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ธ.ค. 2557 และประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2558 ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งต้องเกาะติดว่า สศค.จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงจากเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ที่ประเมินการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2558 ไว้ที่ระดับ 4.1% หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก 3.8% เหลือ 3.5%



+++ในวันนี้ ชมรมเทคโนโลยีสารสนเทศธนาคาร ของสมาคมธนาคารไทย จะหารือถึงผลกระทบจากกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 8 ฉบับ เนื่องจากวิตกกังวลว่าจะกระทบกับธุรกิจธนาคารและลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยและการรักษาความลับลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งจำนวนมาก  นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. . ที่หลายฝ่ายกังวลในมาตรา 35/3 ที่เปิดให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลได้นั้น ทำได้เฉพาะเพื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เท่านั้น หากเจ้าหน้าที่นำข้อมูลไปเปิดเผยมีโทษสูงสุดถึง 3 ปี และจะปรับแก้ไขในบางเรื่อง จึงอยากให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจให้ตรงกัน และหากกฎหมายดิจิทัลมีผลบังคับใช้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ1.3



+++คดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พนักงานสอบสวน พร้อมคณะได้เดินทางไปที่เรือนจำมีนบุรี เพื่อสอบปากคำ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ นายทรงกลด ศรีประสงค์ และนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ ผู้ต้องหาในคดีทั้ง 3 โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย โดยผู้ต้องหายังคงให้การเหมือนเดิม มีการโยนความผิดให้กันไปมาระหว่าง น.ส.อำพร และนายทรงกลด ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ดำเนินการหรือสั่งให้ทำ ช่วงหนึ่ง น.ส.อำพรถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ลุกขึ้นจับมือพนักงานสอบสวน ตัดพ้อว่าถูกนายทรงกลดหลอกใช้มาตลอด  ขณะที่นายพูลศักดิ์ระบุว่า ไม่ได้รู้จักกับ ศ.ดร.ถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง แต่รู้จักเพียงแต่ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี ส่วนการให้การจะเป็นประโยชน์หรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่จะมีการนำมายืนยันอีกครั้งหนึ่ง



+++ระหว่างการประชุมสภา สจล. ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นนายกสภา สจล. กล่าวว่า คงต้องรอฟังผลการสอบสวนคดีว่าเป็นอย่างไร ด้านบุคลากรของ สจล. ได้แก่ คณาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่าฯ และนักศึกษาสถาบัน สจล. ประมาณ 30 คน แต่งชุดดำมายื่นหนังสือเปิดผนึกกรณีการทุจริตเงิน 1.6 พันล้านบาท ต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ เพื่อต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้สภา สจล. เร่งรัด ติดตามและแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่นตรวจสอบกลไกการบริหารงานของสถาบันทั้งหมด  สร้างกระบวนการสอบสวนทางวินัยต่อบุคคลในสถาบันฯ



+++ไล่ล่าคนร้ายก่อเหตุต่อเนื่อง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ประชุมร่วมกับพล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 และหัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 โรงพักในนครปฐมที่มีเหตุข่มขืน ประกอบด้วย สภ.นคร ชัยศรี สภ.โพธิ์แก้ว สภ.สามพราน และ สภ.พุทธมณฑล โดยในวันนี้  จะตั้งศูนย์ประสานกลางการทำงาน (วอร์รูมบัญชาการ) คดีนี้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาล ย่านพุทธมณฑล โดยมีพล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงศ์ ผช.ผบ.ตรเป็นหัวหน้าศูนย์ ปัจจุบันรางวัลนำจับหรือแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายรายนี้ รวมเป็นเงิน 2 แสนบาท

ข่าวทั้งหมด

X