องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้วัคซีน Sinopharm ในกรณีฉุกเฉินแล้ว

          องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ในกรณีฉุกเฉินแล้ว โดยวัคซีนชนิด 2 เข็มจากจีนที่มีการใช้งานหลักภายในประเทศจีนและในอีกหลายประเทศมีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนนี้แล้วจำนวนหลายร้อยล้านคน นับเป็นวัคซีนโควิดสูตรแรกที่พัฒนาโดยประเทศที่ไม่ได้อยู่ในฝั่งตะวันตก ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก และยังเป็นครั้งแรกที่องค์การอนามัยโลกอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับวัคซีนจากจีนสำหรับการป้องกันโรคติดเชื้อ ที่เป็นการรับรองความปลอดภัย ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และการอนุญาตให้นำวัคซีนเข้าร่วมในโครงการโคแวกซ์เพื่อจัดหาวัคซีนให้กับประเทศยากจนเป็นหลัก

          นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า วัคซีนของซิโนฟาร์ม ปักกิ่ง เป็นวัคซีนตัวที่ 6 ที่ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัย ประสิทธิภาพและคุณภาพขององค์การอนามัยโลก ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้วัคซีนนี้จำนวน 2 โดส ต่อผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินก่อนหน้านี้คือวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์/ไบโอเอนเท็ค, แอสตราเซเนกา ที่ผลิตโดยบริษัทเอสเค ไบโอของเกาหลีใต้และแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และโมเดอร์นาที่ได้รับอนุมัติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

          การอนุมัติวัคซีนของซิโนฟาร์มดำเนินการโดยกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคนิคขององค์การอนามัยโลกมีการเริ่มการประชุมเมื่อวันที่ 26 เมษายนเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางคลินิกล่าสุดรวมทั้งแนวทางการผลิต โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ (SAGE) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์ซึ่งผู้รับวัคซีนบางรายมีอาการรุนแรง แต่คณะผู้เชี่ยวชาญมีความมั่นใจในความสามารถของวัคซีนในการป้องกันโรค โดยวัคซีนนี้มีประสิทธิภาพในระดับร้อยละ 78.1 หลังจากที่ได้รับครบ 2 เข็มในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในหลายประเทศ ขณะที่ในเอกสารรายงานของสถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพปักกิ่งที่เป็นผู้พัฒนาวัคซีนระบุว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพถึงร้อยละ 79.34

          และในสัปดาห์หน้า องค์การอนามัยโลกจะพิจารณาอนุมัติวัคซีนที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ของจีนต่อไป

จีนใช้วัคซีนซิโนฟาร์มไปแล้วประมาณ 65 ล้านโดสและซิโนแวคมากกว่า 200 ล้านโดส โดยมีการส่งออกไปยังหลายประเทศโดยเฉพาะในละตินอเมริกา เอเชียและแอฟริกาซึ่งหลายประเทศประสบปัญหาในการจัดหาวัคซีนที่พัฒนาในประเทศตะวันตก

....