อังกฤษเตรียมหาวัคซีนตัวอื่น ฉีดให้กับผู้ติดเชื้ออายุต่ำกว่า 40 ปี แทนวัคซีนแอสตราเซเนกา

         นายเซน เฉินลิม จากคณะกรรมการร่วมที่รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค(JCVI) หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบความปลอดภัยเกี่ยวกับยาและวัคซีนของอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษจะเปลี่ยนมาฉีดวัคซีนตัวอื่นๆนอกจากวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาสำหรับคนวัยผู้ใหญ่อายุ 18-39 ปี หลังพบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนจากแอสตราเซเนกากับภาวะลิ่มเลือดอุดตันกับคนไข้ 242 คน ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาว จากปริมาณวัคซีนที่ฉีดให้กับคนไข้รวมทั้งสิ้น 28.5 ล้านโดส          

          ส่วนผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยเฉพาะภาวะลิ่มเลือดอุดตันว่า คนไข้อายุ 40 ปีเศษจะมีผลข้างเคียงหนึ่งคนต่อคนไข้ที่ฉีดวัคซีน 100,000 คน แต่ผู้เชี่ยวชาญของอังกฤษพบว่า ผลข้างเคียงมีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มคนไข้อายุ 30 ปีเศษคือมีคนไข้ที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีน เฉลี่ยหนึ่งคนต่อผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน 60,000 คน          

          อีกทั้งแนวโน้มสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันอังกฤษสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดีพอสมควร มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดลง ขณะเดียวกัน อังกฤษเริ่มมีวัคซีนทางเลือกหลายตัวที่ฉีดให้กับประชาชน เช่น วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา อังกฤษจึงเริ่มมุ่งให้ความสำคัญสูงสุดกับวัคซีนที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งภาครัฐคาดว่าการปรับเปลี่ยนวัคซีนเช่นนี้จะช่วยให้สาธารณชนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน         

          ด้านดร.จูน เรน หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของสำนักงานควบคุมกฎระเบียบยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของอังกฤษ(MHRA)ระบุว่า โดยหลักการข้อดีจากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าข้อเสียสำหรับคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ภาครัฐจะต้องประเมินผลดีหรือผลเสียจากวัคซีนให้ครอบคลุมถึงคนวัยหนุ่มสาวด้วย

Cr: BBC, standard uk