ทางการกรุงนิวเดลี ของอินเดียขยายเวลาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 2 ออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม นี้ เนื่องจากสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปัญหาขาดแคลนเตียงผู้ป่วยและออกซิเจนในโรงพยาบาล เมืองหลวงของอินเดียเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 19 เมษายน สิ้นสุดวันที่ 26 เมษายน แต่เนื่องจากวิกฤตโรงพยาบาลที่เกิดขึ้น คณะผู้บริหารจึงให้ขยายเวลาออกไปอีกครั้งจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม
นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ ของสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับดิ อินเดียน เอ็กซ์เพรส แนะนำให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่แท้จริงเพื่อควบคุมโรคระบาด โดยในรอบ 24 ชม.ของวันศุกร์เพียงวันเดียว อินเดียมีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 400,000 คนเป็นจำนวนที่มากที่สุดในโลกรอบ 1 วัน ซึ่งนพ.ฟาวซีได้ เปรียบเทียบสถานการณ์ในอินเดียกับสงคราม จึงควรให้ความสำคัญกับความต้องการเฉพาะหน้า เช่นออกซิเจน และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ต้องทำทันทีคือการใช้มาตรการล็อกดาวน์ แม้ว่าจะเป็นมาตรการที่ไม่มีใครชอบ และการใช้มาตรการนี้นานถึง 6 เดือนจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน แต่การใช้มาตรการนี้เพียงไม่กี่สัปดาห์จะช่วยให้ควบคุมการระบาดได้
ด้านกองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ดูแลการตลาดของวัคซีนสปุตนิก วี ทั่วโลก แจ้งว่า ได้จัดส่งวัคซีนมาถึงเมืองไฮเดอราบัดอินเดียแล้วเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) นายคิริล ดมิทริฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกองทุน กล่าวว่าวัคซีนจากรัสเซียจะช่วยให้อินเดียยับยั้งโควิดระลอกที่ 2 ได้ โดยวัคซีนจำนวน 150,000 โดสที่มีการจัดส่งเมื่อวานนี้เป็นชุดแรก และจะมีการจัดส่งอีก 3 ล้านโดสในปลายเดือนนี้ โดยห้องปฏิบัติการยากลางจะมีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนก่อนแจกจ่ายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เอกอัครราชทูตนิโคเลย์ คูดาเชฟ ของรัสเซียประจำอินเดีย ทวีตข้อความว่า รัสเซียและอินเดียยังคงทุ่มเทความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลอินเดียในการบรรเทาโควิดระลอกที่ 2 และการช่วยชีวิต โดยจะมีการผลิตวัคซีนของรัสเซียในอินเดียเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึงระดับปีละ 850 ล้านโดส ขณะที่ผู้ผลิตวัคซีนของรัสเซียทวีตข้อความว่าความร่วมมือจะช่วยให้เรามีความเข้มแข็งขึ้น
หน่วยงานกำกับดูแลของอินเดียอนุมัติให้มีการใช้งานวัคซีนสปุตนิก วี แบบจำกัดเมื่อวันที่ 12 เมษายนของปีนี้ ด้วยประสิทธิภาพในระดับร้อยละ 91.6 ทำให้เป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตัวแรกของโลกที่มีการเผยแพร่ข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ตีพิมพ์ในนิตยสารทางการแพทย์ The Lancet โดยระบุว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน วัคซีนนี้ยังสามารถเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสเช่นเดียวกับโควิชฟิลด์และโควาซิน แต่ต้องฉีดวัคซีนสปุตนิก วี เข็มที่ 2 ในช่วงเวลาที่ห่างจากเข็มแรก 21 วัน
....