สำนักงานการบริหารสินค้ายารักษาโรค (Therapeutic Goods Administration : TGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของออสเตรเลีย เปิดเผยว่าจะมีการสอบสวนกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 2 รายหลังรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่ว่าวัคซีนมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์หรือเงื่อนไขทางการแพทย์ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรง
ทั้งนี้ มีชาย 2 คนเสียชีวิตในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ โดยผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นชายวัย 71 ปีที่มีภาวะสุขภาพหลายอย่างเสียชีวิตหลายวันหลังจากได้รับวัคซีนของแอสตราเซนกา อีกรายเป็นชายวัย 55 ปีเสียชีวิต 8 วันหลังจากได้รับวัคซีน
สำนักงานทีจีเอ ระบุในเบื้องต้นนี้ว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนไม่ได้เกิดจากปริมาณของวัคซีนที่ได้รับ แต่ไม่ได้เปิดเผยอาการที่ทำให้เสียชีวิต
ออสเตรเลียมีการใช้วัคซีนจาก 2 บริษัทคือแอสตราเซเนกา กับไฟเซอร์ แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน ได้ยกเลิกเป้าหมายในการฉีดวัคซีนประชากรเกือบ 26 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564 หลังจากพบความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างวัคซีนแอสตราเซเนกากับอาการลิ่มเลือดอุดตัน แต่ทางการยังคงยืนยันการใช้งานวัคซีนแก่กลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีเท่านั้น แม้ว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนยังมีกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นหญิงอายุ 48 ปี จากอาการลิ่มเลือดอุดตัน
ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันสะสมมากกว่า 29,700 คนและผู้เสียชีวิต 910 ราย มีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 2 ล้านโดส หรือประมาณครึ่งของเป้าหมาย 4 ล้านโดสที่กำหนดไว้ว่าจะฉีดให้ได้ภายในสิ้นเดือนมีนาคม
....