CDC สหรัฐฯ ผ่อนปรน คนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เมื่อออกนอกบ้านถอดหน้ากากได้
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ออกคำแนะนำใหม่ เรื่องการปฏิบัติตัวในภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยการผ่อนปรนมาตรการอนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันครบตามกำหนดแล้ว สามารถถอดหน้ากากอนามัยขณะอยู่กลางแจ้งได้ หากอยู่คนเดียวหรืออยู่ในกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนครบแล้วกลุ่มเล็กๆ
ขณะเดียวกัน CDC แนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในที่ร่มและที่ที่มีคนรวมตัวกันมากๆ ต่อไป
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความยินดี หลังCDCเปลี่ยนคำแนะนำดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นความคืบหน้าที่ไม่ธรรมดา นักวิทยาศาสตร์ของเราเชื่อในข้อมูลที่ว่า โอกาสได้รับหรือส่งผ่านเชื้อสู่คนอื่นนั้นต่ำมากๆ
การฉีดวัคซีนครบกำหนดของCDC หมายถึง 2 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีนเข็มสุดท้าย ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันอย่างเต็มที่ โดยมีผลการศึกษาชี้ว่า การติดเชื้อโควิด-19 สามารถเกิดในที่แจ้งได้ แต่ความเสี่ยงต่ำมาก และมีผลการศึกษาระบุด้วยว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบกำหนดมีโอกาสกระจายไวรัสน้อยกว่า
นายไบเดน เรียกร้องให้ชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เดินทางไปฉีด โดยเรียกว่าเป็นความรักชาติ วัคซีน คือ การช่วยชีวิตของคุณและชีวิตของคนรอบข้าง และยังช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติมากขึ้นด้วย
จนถึงปัจจุบันมีชาวอเมริกันได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบทุกโดสแล้วมากกว่า 95,000,000 คน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประเทศ ขณะที่มีชาวอเมริกันเกือบ 141,000,000 คน หรือราว ร้อยละ 42 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส
ชาวอเมริกันกว่า 5 แสนคน ไม่ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ชาวอเมริกันกว่า 5,000,000 คนหรือเกือบร้อยละ 8 ของผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรก ไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า สำหรับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นานั้นประชาชนต้องกลับมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ภายใน 3-4 สัปดาห์หลังจากฉีดเข็มแรกเพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่
นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ไม่รู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า กรณีนี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับวัคซีนที่ต้องฉีดหลายโดส เห็นได้ชัดว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณมีวัคซีนที่ต้องฉีด 2 โดส คุณจะพบว่ามีคนไม่ยอมมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 โดยมีเหตุผลต่างๆ เช่น เรื่องของความสะดวกสบาย, การลืม
29 เม.ย.ฮ่องกง เปิดสถานบันเทิง คนที่ไปเที่ยว-พนักงาน ต้องฉีดวัคซีน
ฮ่องกงจะอนุญาตให้เปิดบาร์และไนต์คลับอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.64 โดยจะให้บริการเฉพาะผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาและผู้ที่ใช้แอปพลิเคชันควบคุมโรคของรัฐบาลในโทรศัพท์มือถือ
นางโซเฟีย ชาน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกง กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวที่จะเริ่มใช้กำหนดว่า
-บาร์ ไนต์คลับ โรงอาบน้ำ และร้านคาราโอเกะ จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 02.00 น.
-พนักงานและลูกค้าในร้านที่เปิดได้ ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม
-จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการลงครึ่งหนึ่ง
-ร้านอาหาร อนุญาตให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้สูงสุดโต๊ะละ 6 คนจากเดิมที่นั่งได้ 4 คน โดยที่พนักงานและลูกค้าในร้านต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มเช่นกัน
-ร้านอาหาร เปิดบริการได้ถึงเที่ยงคืนจากเดิมที่ถูกจำกัดเวลาปิดไว้ที่ 22.00 น.
-ลูกค้าที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนใช้แอปพลิเคชันควบคุมโรคของรัฐบาลจะถูกแยกไปนั่งอีกพื้นที่หนึ่งของร้านที่ถูกจำกัดการนั่งรับประทานได้ไม่เกินโต๊ะละ 4 คน
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ทางการฮ่องกง พยายามโน้มน้าวให้ชาวฮ่องกงฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เนื่องจาก ฉีดวัคซีนโดสแรกได้เพียงร้อยละ 11 จากประชากรทั้งหมด 7,500,000 คน
ฮ่องกงประสบปัญหาฉีดวัคซีนล่าช้านับตั้งแต่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนก.พ.64 เพราะชาวฮ่องกงไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและหวั่นเกรงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีนซิโนแวคของจีน
ชาวฮ่องกงลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนมากขึ้นวันละ 2-3 เท่านับตั้งแต่ฮ่องกงได้รับวัคซีนไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่าวัคซีนของซิโนแวค
ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 11,700 คน และมีผู้เสียชีวิต 209 ราย ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
สิ้นปีนี้ ไฟเซอร์ จะจำหน่ายยาเม็ด ต้านโควิด-19
หลังจากที่บริษัทไฟเซอร์แห่งสหรัฐฯเตรียมผลิตยาป้องกันไวรัสโควิด-19 ชนิดรับประทาน ปัจจุบันอาสาสมัครประมาณ 60 คน เข้าร่วมการทดลองระยะแรก โดยยาสูตรนี้มีชื่อเรียกว่า พีเอฟ-07321332 คาดว่า การทดลองจะแล้วเสร็จในวันที่ 25 พ.ค.64 หลังจากนั้นหากยาเม็ดมีความปลอดภัยจะมีการทดลองขนาดใหญ่กว่าในประชาชนจำนวนมากกว่า เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถยับยั้งไม่ให้ผู้ป่วยที่เริ่มแสดงอาการติดเชื้อ อาการแย่ลง
ยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ด สามารถช่วยป้องกันการป่วยหนักในประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ได้ผล และสามารถใช้เป็นแนวป้องกันด่านที่ 2 หากเกิดการระบาดของไวรัสชนิดกลายพันธุ์แบบใหม่ ที่สามารถต้านทานภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ คาดว่าจะผลิตออกวางจำหน่ายได้ ภายในสิ้นปีนี้ หากการทดลองกับคนในสหรัฐฯและเบลเยียม ประสบความสำเร็จ
รายงานในหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ ระบุว่า บริษัทไฟเซอร์ จะใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ในการนำยาเม็ดต้านโควิด-19 ออกจากห้องทดลองวิจัยเข้าถึงมือประชาชน
แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แต่การฉีดไม่มีประสิทธิภาพ100% และประชาชนบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนหมายถึงเชื้อไวรัสโคโรนายังสามารถแพร่ระบาดได้ และยังเป็นอันตรายต่อประชาชนที่ไม่ได้ป้องกัน
WHO-รัสเซีย เร่งส่งออกซิเจน วัคซีน สปุตนิก วี ให้อินเดีย
สหรัฐฯ ฝรั่งเศส เยอรมนี สิงคโปร์ และอีกหลายประเทศ ทยอยส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้อินเดียอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เน้นออกซิเจนและเครื่องมือแพทย์
นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวถึงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสองในอินเดีย ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่าวันละ 2,000 ราย ต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และพบผู้ป่วยวันละมากกว่า 300,000 คน ต่อเนื่องเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว ว่า WHO ปรับรูปแบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ประมาณ 2,600 คน ซึ่งประจำการในอินเดียอยู่แล้ว ให้เน้นการสนับสนุนภารกิจควบคุมโรคของทั้งรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่น ขณะเดียวกัน เตรียมส่งออกซิเจนและอุปกรณ์การแพทย์จากคลังที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เดินทางไปช่วยอินเดียภายในเร็ววันนี้
ขณะที่ กองทุนการลงทุนโดยตรงรัสเซีย (อาร์ดีไอเอฟ) ยืนยันว่า อินเดียจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากรัสเซีย "สปุตนิก วี" ล็อตแรก ภายในวันที่ 1 พ.ค.64 นี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หากรัฐบาลรัสเซียอนุมัติเรื่องการส่งออกยา ยาเรมเดซิเวียร์อีก 1,000,000 ชุดที่ผลิตในประเทศ จะเตรียมเดินทางจากกรุงมอสโกไปยังอินเดียด้วย
จีน คาดวันหยุดแรงงาน จราจรจะคับคั่งรถมากกว่า 30 ล้านคัน
รัฐบาลจีน คาดหมายว่า การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดในวันแรงงานที่กำลังจะมาถึงนี้จะเพิ่มขึ้นมาก การจราจรบนทางหลวงสายหลักเฉพาะในวันที่ 1 พ.ค.64 ซึ่งเป็นวันแรงงานนั้น น่าจะมีรถมากกว่า 30,000,000 คัน และถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
การเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือไปเยี่ยมสมาชิกในครอบครัว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาวันหยุดนี้ เนื่องจาก คุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ ความต้องการหยุดพักผ่อนก็เพิ่มขึ้น หลังจากต้องล็อกดาวน์และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเข้มงวดเรื่องการเดินทาง การปิดพรมแดนระหว่างประเทศก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ต้องอยู่บ้าน