โฆษก ศบค.เผยชะลอรับชาวอินเดียเข้าไทย เริ่ม 1 พ.ค.นี้

          นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีการชะลอให้ชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทย ว่ามาตรการดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 โดยพิจารณาจากข้อมูลการระบาดวิทยา  ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาก่อนหน้านี้ หรือเข้ามาระหว่างนี้ เป็นกลุ่มคนที่ได้รับอนุญาตไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เป็นญาติ หรือเป็นบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตเข้ามาทำงานในประเทศไทย ทุกคนที่เข้ามาจะต้องเข้ากักตัวในสถานกักกันที่มีมาตรฐานทุกราย ไม่ได้ปล่อยปละให้ออกมาเดินในชุมชนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา  รวมทั้งจะไม่มีการเดินทางมาเป็นกลุ่มก้อนใหญ่อีก

            นอกจากนี้ ประเทศอินเดีย ยังเป็นประเทศที่มีสัมพันธไมตรีอันดีกับไทย เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19   เป็นตลาดใหญ่ด้านการท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทยหลังจากสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปแล้ว  ดังนั้นการดำเนินมาตรการใดๆ ศบค.จะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และยืนยันว่า จะยึดประโยชน์และความปลอดภัยของคนในประเทศเป็นหลัก

           ส่วนปัญหาการบริหารจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วย วันนี้มีการประชุมของคณะทำงาน 2 ชุด คือ ชุดของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และชุดของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รับรายงานว่า

วันที่ 25 เมษายน 2564  สามารถนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว 1,182 คน  แบ่งเป็นการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ดังนี้  

     - จากระบบสายด่วน 1668 และ 1330 แอดมิทได้ 155 คน  ยังรอเตียง 69 คน และอื่นๆ  3 คน (ติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ , ปฎิเสธเข้ารับการรักษา)

     - โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แอดมิทได้ 135 คน  รอเตียง 88 คน

      - กรุงเทพมหานคร แอดมิทได้ 347 คน รอเตียง 37 คน

     - โรงพยาบาลเอกชน แอดมิทได้ 545 คน รอเตียง 7 คน และอื่นๆ 44 คน

          โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยที่ยังรอเตียงอีก 201 คน ซึ่งทุกหน่วยงานกำลังเร่งประสานรับผู้ป่วยมาโรงพยาบาลและจัดหาเตียงให้อย่างเต็มที่   โฆษก ศบค.ยังขอบคุณไปยังเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ดารา พรรคการเมืองและองค์กรภาคเอกชนต่างๆ ที่ช่วยเหลือประสานนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ช่วยเหลือในด้านการขนส่งผู้ป่วย อาหาร และอื่นๆ  พร้อมยืนยันว่า ไม่มีใครอยากเห็นผู้ป่วยนอนรอจนเสียชีวิตอยู่ที่บ้าน  ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำงานอย่างเต็มความสามารถที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยทุกคนได้เข้ารับการรักษา