207 ประเทศและดินแดนทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1,002,938,540 โดส เมื่อเวลา 17:45 น. GMT ของวันเสาร์ (24 เม.ย.) แต่มีเพียง 3 ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งเป็นการใช้เวลาไม่ถึง 5 เดือนนับจากการเปิดตัวโครงการฉีดวัคซีน
แต่เมื่อวันเสาร์มีการบันทึกผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากกว่า 893,000 คนทั่วโลก โดยอินเดียมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด
สำหรับการฉีดวัคซีน ประมาณร้อยละ 58 ของปริมาณวัคซีนที่มีการฉีดทั้งโลก อยู่ใน สหรัฐอเมริกาจำนวน 225 ล้าน 6 แสนโดส รองลงมาคือจีน 216 ล้าน 1 แสนโดส และอินเดีย 138 ล้าน 4 แสนโดส แต่ในแง่ของสัดส่วนของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน อิสราเอลมีความคืบหน้ามากที่สุด โดยชาวอิสราเอลประมาณ 6 ใน 10 คนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว รองลงมาคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งประชาชนมากกว่าร้อยละ 51 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง, สหราชอาณาจักรร้อยละ 49, สหรัฐอเมริการ้อยละ 42, ชิลีร้อยละ 41, บาห์เรนร้อยละ 38, และอุรุกวัยร้อยละ 32
ในสหภาพยุโรป 27 ประเทศมีการให้วัคซีนแล้ว 128 ล้านโดสหรือประมาณร้อยละ 21 ของประชากร โดยมอลตาฉีดวัคซีนมากที่สุดคือร้อยละ 47 รองลงมาคือฮังการีร้อยละ 37
นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เป็นความไม่สมดุลที่น่าตกใจในการกระจายวัคซีนทั่วโลก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วประชาชนในประเทศที่มีรายได้สูงเกือบ 1 ใน 4 คนได้รับวัคซีนขณะที่ตัวเลขของประเทศที่มีรายได้ต่ำคือ 1 ใน 500 คน ซึ่งทำให้มากกว่า 100 ประเทศเรียกร้องให้องค์การการค้าโลก ยกเว้นสิทธิบัตรสำหรับวัคซีน COVID-19 เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ประเทศที่มีความสามารถในการผลิตวัคซีน และเพื่อให้ประเทศยากจนกว่าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น
วัคซีนที่พัฒนาโดยแอสตราเซเนกามีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือ 156 ของประเทศและดินแดน รองลงมาคือวัคซีนของไฟเซอร์ มีการใช้งานใน 91 ประเทศ, โมเดอร์นา 46, ซิโนฟาร์ม 41 ประเทศ, สปุตนิค 32 ประเทศ และซิโนแวค 21 ประเทศ
....