นายกรัฐมนตรีแคนาดา ระบุแคนาดาเผชิญกับโควิดระลอกที่สาม

          นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา เปิดเผยว่า แคนาดากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของสถานการณ์โควิดระลอกที่ 3 ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยรายวันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในเดือนนี้แตะระดับประมาณวันละ 8,600 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่าอาจมีจำนวนมากกว่า 15,000 คน ภายในสิ้นเดือนเมษายนเว้นแต่จะมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น

          นายกรัฐมนตรีทรูโด และภรรยาเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วโดยเป็นวัคซีนของแอสตราเซเนกา เขากล่าวว่า การแพร่ระบาดในปัจจุบันมีสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อได้ง่ายและอันตรายมากขึ้น สถานการณ์ในปัจจุบันจึงอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญมาก อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการระดับชาติเกี่ยวกับโครงการฉีดวัคซีน แนะนำให้ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี โดยอ้างอิงคำแนะนำที่ว่าวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงโดยในกรณีของแคนาดา พบผู้ป่วยที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำหลังการรับวัคซีนจำนวน 4 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะนี้หลายจังหวัดได้ลดอายุขั้นต่ำของผู้รับวัคซีนเป็น 40 ปี แล้ว แต่ทางการบริติชโคลัมเบียออกข้อจำกัดห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็นระหว่าง 3 ภูมิภาค

          นายไมค์ ฟาร์นเวิร์ธ รัฐมนตรีความปลอดภัยสาธารณะ กล่าวว่า สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปยังผู้คนจำนวนมาก ส่งผลให้มีการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

          นายกรัฐมนตรีทรูโด เปิดเผยด้วยว่ามีการทำข้อตกลงกับบริษัทไฟเซอร์เพื่อจัดซื้อวัคซีน 35 ล้านโดสในปี 2565 และอีก 30 ล้านโดสในปี 2566 แต่ในระหว่างนี้จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพของรัฐบาลกลาง 100 คนไปยังออนแทรีโอซึ่งมีสถานการณ์โควิดที่เลวร้ายลง จนถึงขณะนี้แคนาดามีผู้เสียชีวิตแล้ว 23,822 รายและมีผู้ติดเชื้อสะสม1,155,834 คน

...