การศึกษาเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยร็อกกี้เฟลเลอร์ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ศึกษาจากกลุ่มประชากรคือ พนักงานของมหาวิทยาลัย 417 คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ไม่ว่า จะเป็นกลุ่มที่ใช้วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ หรือบริษัทโมเดอร์นา ทีมวิจัยพบว่าคนไข้เพียง 2 คน หรือร้อยละ 0.5 ของกลุ่มประชากรดังกล่าว ติดโรคโควิด-19 ในเวลาต่อมา
คนไข้รายแรกเป็นหญิงวัย 51 ปี มีสุขภาพแข็งแรงดี ฉีดวัคซีนเข็มที่สองจากบริษัทโมเดอร์นาเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปรากฏว่าอีก 19 วันต่อมา คือวันที่ 10 มีนาคม แพทย์ตรวจพบว่า เธอติดโควิด-19 หลังมีอาการป่วย ทีมวิจัยพบว่าคนไข้ติดเชื้อสายพันธุ์ E484K ซึ่งกลายพันธุ์ มาจากสายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ ซึ่งมีลักษณะดื้อยา ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน ไม่สามารถจะป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ
ส่วนคนที่ 2 เป็นหญิงอายุ 65 ปี มีสุขภาพแข็งแรงเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองจากบริษัทไฟเซอร์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ต่อมาเธอทราบว่าแฟนของเธอซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนติดโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ต่อมาเธอไม่สบาย จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ผลตรวจบ่งชี้ว่าเธอติดโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทีมวิจัยพบว่า คนไข้รายที่สองติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิด D614G ที่พบครั้งแรกในยุโรปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขสหรัฐฯระบุว่าการที่กลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วบางคนติดเชื้อโรคโควิด-19 ไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากในปัจจุบันไม่มีวัคซีนตัวใดสามารถจะป้องกันโรคได้ร้อยละ 100 เชื่อว่าผลวิจัยเช่นนี้จะไม่ไปบั่นทอนความพยายามของภาครัฐในการรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน ทั้งแสดงให้เห็นว่าผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้วส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันในร่างกายสูงขึ้น มีน้อยรายที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีน
Cr: CNN, KCTV5