ตั้งคณะกรรมการสอบ ผู้ใหญ่บ้านในจ.นครพนมไม่กักตัว แพร่เชื้อโควิด-19

          กรณีพบผู้ป่วยติดโควิด เป็นผู้ใหญ่บ้านเพศหญิงวัย 55 ปี พาลูกและหลานนำรถเก๋งป้ายแดงไปเจิมที่วัดโสภณธรรมาราม บ.น้ำก่ำ หมู่ 18 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ทำให้พระเณร 11 รูปเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วัน ตามมาตรการ ตรวจหาเชื้อและพ่นยาฆ่าเชื้อรอบบริเวณวัดไปแล้วนั้น นพ.มานพ ฉลาดธัญกิจ นายแพทย์สาธารณสุข จ.นครพนม แถลงพบผู้ป่วยยืนยันล่าสุดอีก 7 คน รายที่ 43-52 เพิ่มสะสม 59 คน แบ่งเป็นตรวจพบจากกลุ่มเสี่ยงสถานบันเทิง จำนวน 28 คน เป็นพนักงานและนักท่องเที่ยว จำนวน 22 คน จากการค้นหาเชิงรุก (Active Case Finding) 2,100 คน พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 6 คนและจากการตรวจพบจากกลุ่มเสี่ยงสัมผัสฯ จำนวน 4 คน จากการคัดกรองการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง 20 คน โดยมาจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 13  คน สมุทรปราการ จำนวน 4 คน นนทบุรี จำนวน 2 คนปทุมธานี จำนวน 1 คน และจากผู้ป่วยสถานบันเทิงทองหล่อ จำนวน 4 คน

          โดยพบว่า ผู้ติดเชื้อล่าสุด ยังเชื่อมโยงไทม์ไลน์ของผู้ใหญ่บ้านติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 48 รายที่ 53,54,55 เกี่ยวข้องหญิง 55 ปีรายนี้ วันที่ 9 เม.ย.เดินทางไปที่ จ.ปทุมธานี และกรุงเทพฯ เพื่ออบรมหลักสูตรผู้ใหญ่บ้าน วันที่ 10 เม.ย. ลูกสาวกับลูกเขยขับรถมารับแม่ จากนั้นลูกเขยและลูกสาว นั่งรถคันเดียวกันตลอด ช่วงนั้นลูกสาวกับลูกเขยยังไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ วันที่ 11 เม.ย. ก็ขับรถมาส่งแม่ ที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม วันที่ 16 เม.ย. เวลา 14.00 น. ลูกสาวและลูกเขยก็เดินทางกลับ

          ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ น่าจะรู้ดีว่า จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่เสี่ยงที่มีการติดเชื้อสูงอยู่แล้ว ยังเดินทางไปหลายสถานที่ โดยไม่มีการกักตัว มีสัมผัสเสี่ยงสูง 10-11 คน

          รายที่ 53 เป็นลูกชาย รายที่ 54 เป็นลูกสาว รายที่ 55 เป็นหลาน ผู้เสี่ยงสูงถูกกักตัวหมด คาดว่าผลจะออกอีก 2 รายในช่วงค่ำวันนี้

          ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านติดโควิดไม่ผิด ที่ผิดคือไม่กักตัว และผู้ใหญ่บ้านรายนี้เป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และยังเป็นเจ้าพนักงานของรัฐต้องรู้คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ ถ้าฝ่าฝืนมีโทษ ทางอาญา ทางแพ่ง ที่สำคัญผู้ใหญ่บ้านมีวินัย ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เขาสั่งให้กักตัวก็ไม่กัก ญาติพี่น้องมาก็ไม่กักตัว เบื้องต้น ได้สั่งการให้นายอำเภอธาตุพนม ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ให้ทราบผลภายใน 15 วัน ส่วนบทลงโทษต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะเข้าข้อหาความผิดวินัยฐานความผิดอะไร ถ้าไม่ร้ายแรงลดขั้นเงินเดือน ว่ากล่าวตักเตือนทัณฑ์บน อย่างแรงก็ไล่ออก ซึ่งมันไม่น่าจะเกิด ถึงจะเป็นรายแรกก็ไม่น่าจะมีเพราะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ