ในวันนี้ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัด สมุทรสาคร พร้อมด้วย นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร เดินทางกลับมาบริหารงานที่จ.สมุทรสาคร อย่างเป็นทางการ หลังเข้ารับการรักษาโรคโควิดแล้วออกจากรพ.ศิริราช กลับไปพักฟื้นรักษาสุขภาพที่บ้านพักจ.อ่างทอง นับตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2564 เป็นต้นมา โดยการเดินทางกลับมาวันนี้ เป็นการเดินทางกลับมาแบบส่วนตัว ไม่ได้มีพิธีการต้อนรับแต่อย่างใดทั้งสิ้น เมื่อมาถึงผู้ว่าฯวีระศักดิ์ แวะทักทายกับเจ้าหน้าที่อส.ด้านหน้าศาลากลาง จากนั้นเข้าไปตรวจงานในห้องทำงาน ส่วนการประเดิมภารกิจแรก คือ การประชุมร่วมกับ นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และผู้บริหารรพ.เอกชนทั้ง 8 แห่ง เพื่อรับทราบถึงการให้บริการตรวจรักษาและรับผู้ติดเชื้อโควิด เข้าสู่กระบวนการดูแลของรพ.เอกชน ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ออกจากรพ.แล้ว ได้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องแต่เป็นในรูปแบบของ Work From Home และได้ติดตามข่าวสารของ จ.สมุทรสาครมาตลอด ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ตั้งใจจะกลับมาทำงานที่ จ.สมุทรสาคร แต่หมอทราบข่าวเสียก่อน เลยรีบสั่งห้ามไว้ สำหรับสิ่งที่ต้องการและอยากจะให้เกิดขึ้นที่ จ.สมุทรสาคร อันดับแรกในขณะนี้คือ คนสมุทรสาครมีความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการปรับพื้นที่จากสีส้มเป็นสีแดง
สิ่งแรกที่อยากจะทำก็คือ อยากสร้างความเข้าใจให้เกิดกับคนสมุทรสาครทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องดังกล่าวและเดินหน้าสู้โควิดร่วมกัน
นายวีระศักดิ์ ยังขอขอบพระคุณคนไทยทั้งประเทศ ขอบพระคุณคนสมุทรสาคร สำหรับกำลังใจที่ส่งไปให้ขณะที่เข้ารับการรักษาตัวในรพ. เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการสู้กับโรคโควิด-19 นั้นก็คือ “กำลังใจ”ที่ผ่านมาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาตรงนี้ได้อีกครั้ง แต่เพราะได้สิ่งสำคัญที่สุดมาช่วยพยุงนั่นก็คือ กำลังใจ ที่แม้จะเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้แต่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล ฉะนั้นกำลังใจที่แต่ละคนมอบให้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิดในปัจจุบันนี้
นายวีระศักดิ์ เชื่อว่า คนสมุทรสาครคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า รพ.สนามเป็นจุดที่ทำให้สมุทรสาครดีขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก จึงเป็นคำตอบโดยปริยายแล้วว่า “รพ.สนามเป็นหัวใจหลักในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด” นั่นคือ การแยกคนที่ติดเชื้อออกมา และสิ่งที่ต้องยอมรับกันก็คือ รพ.สนามไม่ใช่สถานที่สุขสบาย มีหลายคนกล่าวถึงรพ.สนามในด้านลบหลายๆอย่าง อยากให้เข้าใจร่วมกันว่า แม้รพ.สนามจะไม่สะดวกสบายแบบอยู่บ้าน แต่ขอให้เข้าใจว่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เราทุกคนสู้กับสถานการณ์โควิดได้อย่างทันท่วงที เพราะทุกคนต้องการกำลังใจเป็นอย่างสูง เพื่อการยืนหยัดต่อไปให้ได้จนกว่าโควิดจะผ่อนคลาย หรือผ่านพ้นไปในที่สุดเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า “วันที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีกำลังใจที่ดี แม้จะมีอุปสรรคที่ท้าทายให้เราก้าวข้ามไป เมื่อเราผ่านพ้นไปได้ ความสำเร็จจะรอเราอยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน