นพ.ยง เสนอฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพราะคนที่หายจากโควิดแล้วเป็นซ้ำได้อีก

          ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 แม้จะรักษาหายแล้ว แต่ก็ยังสามารถกลับมาติดเชื้อใหม่ได้อีก โดยจากการติดตามระยะยาวของภูมิต้านทานในผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 ที่ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ศึกษาและติดตามมาเกือบจะครบ 1 ปี พบว่า ภูมิต้านทานในผู้ที่เคยติดเชื้อจะเริ่มลดลง ตั้งแต่ช่วง 3 – 6 เดือนหลังติดเชื้อ   

          ศ.นพ.ยง ระบุว่า โควิด-19  เป็นโรคที่มีระยะฟักตัวสั้น ส่วนใหญ่คือ 2 ถึง 7 วัน เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ แตกต่างจากโรคหัด โรคอีสุกอีใส ที่มีระยะฟักตัวยาวนานกว่า ซึ่งในกลุ่มโรคที่มีระยะฟักตัวยาวนาน เมื่อเป็นแล้วถึงแม้ภูมิต้านทานจะลดลงต่ำ แต่หากมีการติดเชื้อมาใหม่ กว่าจะเกิดโรคก็ต้องใช้เวลายาวนาน ทำให้ร่างกายของเราสามารถสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาได้ทัน เพราะด้วยหน่วยความจำที่มีอยู่ สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานมาเสริมได้เร็วกว่าการติดเชื้อครั้งแรก ดังนั้น โรคที่มีระยะฟักตัวยาว วัคซีนจึงมีการป้องกันโรคได้ดีกว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันดีกว่าโรคที่มีระยะฟักตัวสั้น

          ส่วนไข้หวัดใหญ่ แม้จะไม่มีการกลายพันธุ์ ถ้าระยะฟักตัวสั้น ก็ต้องอาศัยระดับภูมิต้านทานที่ลอยระดับสูงตลอดเวลา ดังนั้นภูมิต้านทานจะสูงได้ ก็ต่อเมื่อมีการกระตุ้นด้วยวัคซีนเป็นระยะ จึงเป็นเหตุ ให้โรคทางเดินหายใจที่มีระยะฟักตัวสั้น อย่างไข้หวัดใหญ่ จึงไม่มีวิธีป้องกันถาวร จำเป็นจะต้องมีการกระตุ้นให้ภูมิต้านทานลอยสูงอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดโรค

          ส่วนโควิด-19 แม้ว่าผู้ป่วยจะหายแล้วมีภูมิต้านทาน หรือฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก แต่อาการจะลดลงและมีโอกาสสูงมากที่จะต้องฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่ 3 และต่อไปอาจต้องให้เป็นระยะ  รวมทั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมด้วยแล้ว ก็ยิ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ของวัคซีนไปด้วย ซึ่งหากในร่างกายเรามีภูมิต้านทาน จะช่วยปกป้องไม่ให้ไวรัสเข้ามาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำลายเซลล์ของเรา การให้วัคซีนจึงมีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของโรคและควบคุมการระบาดใหญ่