อิสราเอล ผ่อนคลาย ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยในที่โล่งแจ้ง หลังฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากกว่าครึ่ง

18 เมษายน 2564, 09:43น.


          สื่ออิสราเอล รายงานว่าตั้งแต่วันนี้(18 เม.ย.) เป็นต้นไป ชาวอิสราเอล ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้งแล้ว เพราะสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลาย นายยูลิ อีเดลสไตน์ (Yuli Edelstein) รัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอล แถลงว่า เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป ชาวอิสราเอลไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกไปข้างนอกหรือกลางแจ้ง เนื่องจากพบว่าอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความสำเร็จจากการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาด รัฐบาลจึงต้องการลดข้อจำกัดบางอย่างลง แต่อย่างไรก็ตาม เวลาอยู่ในอาคารหรือสถานที่ปิด ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอยู่เช่นเดิม



          การตัดสินใจยกเลิกข้อปฏิบัติที่กำหนดให้ทุกคนต้องสวมใส่หน้าอนามัยเวลาอยู่กลางแจ้งนั้นเป็นผลจากการปรึกษาหารือกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการระบาดและป้องกันโรคแล้ว แต่หน้ากากอนามัยยังจำเป็นต้องใส่เวลาอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่เป็นสถานที่ปิด



          รัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอล กล่าวว่า อัตราการติดเชื้อโควิดในอิสราเอลที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความสำเร็จของการรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งอิสราเอลถือได้ว่าเป็นประเทศที่สามารถผลักดันให้ประชาชนฉีดวัคซีนได้ไวกว่าประเทศอื่นใดทั่วโลก โดยขณะนี้  ประชากรอิสราเอลมากกว่าครึ่งได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งอัตราการ ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อิสราเอล จึงได้เริ่มผ่อนคลาย ยกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อเปิดทางให้ ธุรกิจต่างๆกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ตามปกติ พื้นที่สาธารณะก็เปิดให้จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด กล่าวว่า อิสราเอลอาจจะถึงจุดที่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แล้วนำไปสู่การยกเลิก ข้อจำกัดอื่นๆ อีกตามมาในเวลาอีกไม่นาน



          อิสราเอล มีคนราว 5.3 ล้านคนได้รับวัคซีนไปแล้ว เป็นสัดส่วนกว่าครึ่งของผู้อยู่อาศัยในประเทศ และมีคนอีก 8.3 แสนคนที่เคยติดเชื้อมาในอดีต ซึ่งน่าจะมีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เท่ากับว่าประชาชนราวร้อยละ 68 มีแนวโน้มที่จะมีแอนติบอดีในเลือดซึ่งสามารถสู้กับไวรัสได้

ข่าวทั้งหมด

X