กฟผ.งดเยี่ยมชม-ศึกษาดูงานและปิดให้บริการจุดท่องเที่ยวของเขื่อนทั่วประเทศ
นายประเสริฐ อินทับ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ กฟผ.จำเป็นต้องงดให้บริการเยี่ยมชมและศึกษาดูงานภายในบริเวณเขื่อนและศูนย์การเรียนรู้ของ กฟผ. เป็นการชั่วคราวไม่มีกำหนด
สำหรับการให้บริการและท่องเที่ยวอื่นๆ ได้แก่ สันเขื่อน จุดชมวิว สนามกอล์ฟ สถานที่ออกกำลังกาย และบ้านพัก จะปิดให้บริการและท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 16-30 เม.ย.64 ยกเว้นเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี จะปิดให้บริการในวันที่ 19 เม.ย. 64 ส่วนเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าพักตามนโยบายจังหวัด ทั้งนี้ในส่วนร้านอาหารของทุกเขื่อนเปิดให้บริการเฉพาะคนที่จองมาล่วงหน้าและไม่ได้มาจากพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น
กฟผ.ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยมีการคัดกรองและป้องกันในจุดติดต่อนักท่องเที่ยว จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งจุดสแกนไทยชนะ ตลอดจนทำความสะอาดในจุดที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน ผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่เขื่อนต้องสวมหน้ากากอนามัย 100% รักษาระยะห่าง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตามจุดที่ให้บริการ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
เชียงใหม่ ออกประกาศ ร้านบุฟเฟ่ต์ ห้ามตักอาหารเอง-งดปาร์ตี้
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดจังหวัดเชียงใหม่ว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 272 คน รวมผู้ป่วยสะสม 1,733 คน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มมาตรการในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ชาบู หมูกระทะ จะต้องจัดพนักงานดูแลให้บริการลูกค้าที่มาใช้บริการ ห้ามให้ลูกค้าตักอาหารมารับประทานเอง นอกจากนี้ ให้ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทุกแห่งปฎิบัติตามมาตรการในการควบคุมโรค เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย1เมตร สวมหน้ากากอนามัย หรือ การจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการไม่ให้แออัดตามขนาดของพื้นที่ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ออกคำสั่งจังหวัดเชียงใหม่ ลดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้เหลือเพียง 50 คนเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่จำเป็น สามารถยื่นขอพิจารณาอนุมัติการจัดกิจกรรมกับคณะกรรมการโรคติดต่อในระดับอำเภอเป็นรายๆ ไป รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนงดการพบปะสังสรรค์ และเดินทางเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้สามารถควบคุมโรคให้ได้ภายใน 2 อาทิตย์
ด้าน นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ทำแผนที่แสดงการระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ระลอกเดือนเม.ย.64 แบ่งตามภูมิลำเนาของผู้ป่วย โดยแบ่งเป็น
1.โซนสีแดง มีผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 50 คน ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ สันทราย หางดง สารภี และสันกำแพง
2.โซนสีส้ม มีป่วยผู้ติดเชื้อจำนวน 11-50 คน ได้แก่ อำเภอแม่ริม ดอยสะเก็ด สันป่าตอง และดอยหล่อ
3.โซนสีเหลือง ซึ่งเป็นพื้นที่อำเภอที่พบผู้ป่วยจำนวนน้อยกว่า 10 คน ได้แก่ อำเภอแม่ออน เวียงแหง เชียงดาว ไชยปราการ พร้าว สะเมิง แม่ออน จอมทอง แม่วาง ฮอด ดอยเต่า และอมก๋อย
4.โซนสีขาว คือ ยังไม่พบผู้ป่วย ได้แก่ อำเภอกัลยาณิวัฒนา (ข้อมูล ณ วันที่ 15 เม.ย.64)
CR:ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่
นักวิชาการ ชี้ โควิด-19 รอบเดือนเม.ย. ทำให้ยอดใช้จ่ายหายไปเพิ่มขึ้นเป็น 30%
สถานการณ์โควิด-19 กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง การระบาดระลอกเดือนเม.ย.64 จากการติดเชื้อสถานบันเทิงในย่านทองหล่อ และกระจายไปทั่วประเทศกระทบการใช้จ่าย เงินหายไปจากระบบร้อยละ 5-10
การประเมินล่าสุด ที่พิจารณาเรื่องที่ห้างสรรพสินค้า เลื่อนเวลาปิดห้างและร้านค้าในห้าง รวมถึงการทำงานที่บ้าน ก็จะกระทบต่อการใช้จ่ายหายไปเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ซึ่งเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจเดือนละ 1-1.5 แสนล้านบาท
นายธนวรรธน์ เปิดเผยว่า ที่กังวลเพิ่มขึ้นคือ บางพื้นที่อาจถูกล็อกดาวน์ โดยเฉพาะช่วง 14 วันอันตรายหลังสงกรานต์ หลังจากประชาชนเดินทางเข้าทำงานและอยู่ในระยะฟักเชื้อ อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งเร็ว จนรัฐต้องเพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้นอีก จากที่ประเมินเงินใช้จ่ายหายไปลดลงร้อยละ 20 ก็จะเพิ่มเป็นร้อยละ 30 หรือเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้านบาท โดยทุก 1 แสนล้านบาทกระทบต่อจีดีพีร้อยละ 0.7
ส่วนระยะเวลาฟื้นตัว เมื่อดูย้อนหลังการระบาดโควิด-19 2 รอบแรก จะกินเวลา 45 วัน กว่าตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อจะนิ่ง และคนรายได้น้อย จะเริ่มผ่อนคลายและใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จึงประเมินว่าการแพร่ระบาดรอบนี้ คงใช้เวลา 2-3 เดือนในการฟื้นความเชื่อมั่นอีกครั้ง เท่ากับไตรมาส 2 เงินสะพัดใช้จ่ายจะหายไป 3-4 แสนล้านบาท และจีดีพีติดลบร้อยละ 2 ส่งผลต่อจีดีพีทั้งปีนี้โตแค่ร้อยละ 2.5-3
19 เม.ย. หอค้าไทย ถกด่วน 40 ซีอีโอชั้นนำ ผ่าวิกฤตโควิด
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 เม.ย.64 คณะกรรมการหอค้าไทย จะประชุมระบบทางไกลกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)กับ 40 บริษัทใหญ่ของไทย เพื่อหารือถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ผลกระทบของภาคธุรกิจ และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ รวมถึง การเร่งรัดและให้สนับสนุนการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้ครอบคลุมและเร็วที่สุด การเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือและพยุงธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากในไทย และการเร่งแก้ไขกฎระเบียบหรือกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังจากโควิด-19คลี่คลายแล้ว
สถานการณ์ขณะนี้รวดเร็วและรุนแรงขึ้น เสมือนเป็นการล็อกดาวน์ธุรกิจกันเองอยู่แล้ว เพราะธุรกิจเองก็ต้องการป้องกันการแพร่ระบาด ย่อมมีผลกระทบต่อการทำธุรกิจ รายได้ แบกภาระค่าใช้จ่าย ค่าจ้าง แต่รายได้ไม่เท่าเดิม นานวันจะลำบาก รายใหญ่นั้นมีสำรองเงินทุน
ผลการหารือและข้อเสนอแนะจากซีอีโอ จะส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นจะกระทบต่อเป้าหมายต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เราหวังไว้ตั้งแต่เดือนก.ค.64 นี้