จ.กาฬสินธุ์ สั่งปิดบริการ ร้านแพวรรณา ไม่มีใบอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่ง ละเลยการคุมโควิด
นายธนทร ศรีนาค หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ นายตระกูล หนูนิล นายอำเภอสหัสขันธ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโนนบุรี นำกำลังฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบแพอาหารชื่อ “ร้านแพวรรณา” โดยมีการนำแพลากเข้าน่านน้ำเขื่อนลำปาว ซึ่งเป็นแพที่ไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรการความปลอดภัยด้านอุบัติเหตุของ จ.กาฬสินธุ์ หลายครั้ง
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการได้นำแพที่ไม่ได้รับอนุญาตลากไปในเขื่อนลำปาว เพื่อล่องแพ ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความปลอดภัยของ จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงมาตรการความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 50 โดยได้มีการตักเตือนมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.64 พบว่าได้ลักลอบกระทำเช่นเดิม ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าฯ ฝ่ายปกครองได้ตักเตือน จนเมื่อวันที่ 13 เม.ย.64 ยังนำแพที่ไม่มีใบอนุญาตออกล่องแพในเขื่อนลำปาว โดยไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ และยังละเลยมาตรการป้องกันโควิด-19 ปล่อยให้มีผู้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปดื่มในแพ ซึ่งมีการคิดค่าบริการด้วย
นายธนทร กล่าวว่า เจ้าของแพ มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกระทำผิดต่อเนื่อง จำเป็นจะต้องดำเนินการตามมาตรการ โดยสั่งให้ปิดการบริการไปก่อนจนผู้ประกอบการจะดำเนินการปรับปรุงให้ถูกต้อง จากการตรวจสอบเบื้องต้นตัวแพไม่มีความมั่นคง ไม่มีความปลอดภัย เสื้อชูชีพไม่เพียงพอ ไม่มีอุปกรณ์กู้ชีพทางน้ำในแพ และไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการแพ จึงต้องให้ปิดบริการชั่วคราวเพื่อให้ปรับปรุงแก้ไข แต่หากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะสั่งปิดถาวรในทันที
นอภ.สันกำแพง แจ้งความเอาผิด ห้องเช่ารายวัน ไม่ตรวจสอบข้อมูล ปล่อยคนติดโควิด-19 จาก กทม.เข้าพัก
นายภูเบศ พุฒิรัตนาพร นายอำเภอสันกำแพง หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอสันกำแพง มอบหมายให้ นายณัฐพงษ์ พรสมบูรณ์กิจ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคตำบลสันกลาง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง โดยมีนายจันทร์ทิพย์ อิยะสาม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลสันกลาง และนางรุ่งทิวา ปัญญาวีร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ เป็นพยาน กรณีสถานประกอบการฝ้ายคำ บูธีค เชียงใหม่ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 32/2564 เรื่อง มาตรการควบคุมการเดินทางของบุคคลที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อ 5 กล่าวคือ ไม่ตรวจสอบและเก็บข้อมูลของผู้เดินทาง ได้แก่ จังหวัดต้นทาง และการลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน "CM-CHANA" หรือแบบ ชม.1/ชม.2
หลังจาก ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอสันกำแพง ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ้านสันกลางเหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมอญ ว่าเมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 มีสถานประกอบการ ชื่อ ฝ้ายคำ บูธีค เชียงใหม่ เปิดให้บริการให้เช่าห้องพักรายวัน ในลักษณะโรงแรม โดยในเวลา 21.50 น. มีผู้เข้าพัก น.ส.แต้มตะวัน ปัญญาละ ยืนยันการเข้าพัก (Check in) ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ส่วนตัว มีประวัติเข้าไปในสถานที่เสี่ยงในจังหวัดกรุงเทพฯโดยพนักงานของสถานประกอบการ ฝ้ายคำ บูธีค เชียงใหม่ ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าพัก อาทิ จังหวัดต้นทาง การลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน "CM - CHANA" หรือ แบบ ชม.1/ชม.2หรือไม่
นอกจากนั้น ยังพบว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย 64 ผู้เข้าพักรายดังกล่าวได้เข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์กรุงเทพฯ และโรงพยาบาลได้แจ้งผลการตรวจในวันที่ 12 เม.ย.64 ว่าผู้เข้าพักรายดังกล่าวติดเชื้อ โควิด-19 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงได้ประสานให้รถยนต์จากโรงพยาบาลมารับผู้เข้าพักเพื่อนำส่งโรงพยาบาลสนามต่อไป
ตรวจโควิด-19 ลูกค้าร้านหมูกระทะที่โคราช 1,200 คน ไม่พบเชื้อ
ผลตรวจโควิด-19 ลูกค้าร้านหมูกระทะที่นครราชสีมา 1,200 คน ไม่พบเชื้อ หลังพบพนักงานเสิร์ฟและเจ้าของร้านติดเชื้อรวม 14 คน กรณีคลัสเตอร์ร้านหมูกระทะ “น้ำหวาน บุฟเฟ่ต์” ซอย 30 กันยา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบพนักงานเสิร์ฟและเจ้าของร้านติดเชื้อโควิด-19 รวม 14 คน หลังจากมีชายอายุ 32 ปี ติดเชื้อมากินหมูกระทะในร้าน ก่อนลุกลามติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน แพทย์แจ้งให้ผู้ไปใช้บริการในร้านช่วงวันที่ 5-9 เม.ย.64 ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงกว่า 2,000 คน ไปตรวจหาเชื้อ เพื่อยับยั้งการแพร่กระจาย
ลูกค้าร้านหมูกระทะจำนวนมาก แห่ไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จนล้นพื้นที่ ต้องเข้าแถวรอคิวยาวเหยียด
พญ.อารีย์ เชื้อเดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.นครราชสีมา รายงานว่า กรณีร้านหมูกระทะ มีการตรวจค้นหาเชื้อจากกลุ่มลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการในร้านรวมทั้งสิ้นกว่า 1,200 คน ล่าสุดผลตรวจออกมายังไม่พบเชื้อ ยังพบการติดเชื้อแค่พนักงานเสิร์ฟและเจ้าของร้านแค่ 14 คนเท่านั้น
ส่วนการพบผู้ติดเชื้อ 21 คน รวมระลอกเม.ย. จำนวน 144 คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายเดิม ในจำนวนนี้มีบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลโนนแดง ติดเชื้อ 1 คน รวมถึงเด็กอายุ 1 ขวบ ติดเชื้อด้วย
เกาะสมุย พบ 3 กลุ่มเสี่ยง ย้ำให้คนที่เดินทางเข้ามาต้องสแกน คิวอาร์โค้ด “สมุยเฮลธ์พาส”
น.พ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และนายอภิเดช พรหมคุ้ม สาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย เปิดเผยว่า เกาะสมุย มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 7 คน รวมทั้งหมด 16 คน ที่มาจาก 3 กลุ่มเสี่ยงได้แก่
-กลุ่มตำรวจท่องเที่ยว มีผู้ป่วย 3 คน
-กลุ่มไปปาร์ตี้ที่ภูเก็ต 3 คน
-กลุ่มร้านอาหารติ่มซำ 6 คน เป็นครอบครัวเดียวกัน
อำเภอเกาะสมุย ปรับจุดตรวจควบคุมประจำท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ และท่าเรือราชาเฟอร์รี่ เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีประสิทธิภาพ โดยให้ทั้ง 2 ท่าเรือเน้นย้ำให้คนที่เดินทางเข้าพื้นที่เกาะสมุยต้องสแกนคิวอาร์โค้ด “สมุยเฮลธ์พาส” (SAMUI HEALTH PASS) เพื่อเก็บข้อมูลผู้ที่เดินทางเข้าและออกจากเกาะสมุย
ผู้ต้องกักที่รักษาตัวกว่า 300 คน อาการดีขึ้น เตรียมผลักดันกลับประเทศ
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. เปิดเผยอาการติดเชื้อของผู้ต้องกักที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บางเขนว่าผู้ต้องกักจำนวน 1,379 คน มีผู้ติดเชื้อพักในการรักษาตัวโรงพยาบาลสนาม และในห้องกัก ตม.บางเขน จำนวน 318 คน ทั้งหมดมีอาการดีขึ้น
ในวันที่ 20-22 เม.ย. 64 จะมีการตรวจเชื้อเพิ่มเติม หากพบว่าไม่มีผู้ติดเชื้ออีก จะเริ่มทยอยส่งคนที่หายดีแล้วออกจากโรงพยาบาลสนาม เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลสนาม สามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้โดยอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อกำหนดมาตรการรองรับได้ในอนาคต
อีฟ-พุทธิดา และสามี ติดโควิด-19
คนในวงการบันเทิงติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเป็นคู่สามีภรรยา อีฟ พุทธิดา ศิระฉายา และสามี ลูกสาว-ลูกเขย ของนักร้องรุ่นใหญ่ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ที่ได้ออกมาแจ้งว่ามีอาการไอและเป็นไข้เลยรีบไปตรวจ ผลออกมาติดโควิด-19 และทั้งสองคนได้รับการดูแลโดยเข้ากักตัวที่ Hospitel เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า เนื่องจากวันที่ 11 เม.ย.64 ช่วงกลางวันมีอาการเจ็บคอเล็กน้อย และช่วงเย็นไข้ขึ้น ประมาณ 37.5 เช้าวันที่ 12 เม.ย.64 ต้นมีอาการไอเล็กน้อยแต่ไม่มีไข้ เราสองคนจึงได้แยกพื้นที่ออกจากคุณพ่อคุณแม่ และลูกชายและคนอื่นๆ ในบ้าน และได้พยายามหาทางตรวจโควิด-19 แต่เนื่องจากทุกรพ. คิวตรวจแน่นมาก เราจึงตัดสินใจไปตรวจกับคลินิค (เพราะต้องการทราบให้เร็วที่สุดว่าติดโควิดหรือเป็นหวัดทั่วไป เนื่องจากอยู่บ้านเดียวกันกับคุณพ่อที่ป่วยและคุณแม่ที่อายุมากทั้งคู่ และมีบุญที่ยังเล็ก) ระหว่างรอผลเราได้แยกส่วนอยู่กับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ เพราะที่บ้านแยกเป็นสองตึกจึงกักตัวแยกกันอยู่
ผลออกมาวันที่ 13 เม.ย.ช่วงบ่ายๆ แจ้งกลับมาว่าเราทั้งคู่ติดโควิด เราได้แจ้งผู้ที่พบเจอใกล้ชิดทุกท่านแล้ว (เพราะมีไม่กี่ท่านที่ได้เจอในช่วงนี้ค่ะ) เราจึงได้นั่งไล่ไทม์ไลน์ดังนี้ค่ะ เราทั้งคู่ได้พยายามระวังตัวอย่างดีที่สุดและคิดว่าตัวเองไม่ได้ไปในที่สุ่มเสี่ยงหรือการ์ดตก เพราะปกติระวังตัวกันมากอยู่แล้ว เนื่องจากที่บ้านมีทั้งผู้สูงอายุและเด็ก แต่จากเหตุการณ์นี้เราได้รู้ว่า อาจจะแค่ 10 นาที 5 นาที 15 นาที ที่เราอาจจะเจอกับผู้ที่เค้ามีเชื้อมา ถึงเค้าจะไม่มีอาการก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีเชื้อ และเราไม่ควรประมาท ถอดหน้ากากเพราะไม่มีทางรู้ว่า ใครไปไหนเจอใครอย่างไรกันบ้าง โทษใครก็ไม่ได้เพราะเป็นความประมาทของตัวเอง และก็ต้องเข้าใจคนอื่นเพราะเค้าเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเค้ามีเชื้อ และไม่มีอยากจะใครป่วย ดังนั้นดีที่สุดคือ สวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกจากบ้าน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์บ่อยๆ อย่าไปไหนโดยไม่จำเป็น เราทุกคนจะได้ช่วยกันชนะโควิดให้ได้อีกครั้งเหมือนที่ผ่านมา