ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30 น.วันพุธที่ 14 เมษายน 2564

14 เมษายน 2564, 06:27น.



สหรัฐฯ ประชุมด่วน ระงับการฉีดวัคซีน J&J พบหญิง 6 คนเกิดลิ่มเลือดอุดตัน   



         ทำเนียบขาวสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า โครงการฉีดวัคซีนทั่วสหรัฐฯจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจากพบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายากและเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนของบริษัท



         นายเจฟฟ์ ซีนต์ส ผู้ประสานงานหน่วยงานรับมือโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ระบุในแถลงการณ์ว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแผนการฉีดวัคซีน จนถึงขณะนี้ ในสหรัฐฯมีการฉีดวัคซีนบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มากกว่า 6,800,000 โดส



         พญ.แอน ชูชาต์ รองผู้อำนวยการใหญ่ของ CDC และนพ.ปีเตอร์ มาร์ก ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยและการประเมินยาชีววัตถุ แถลงการณ์ร่วมกันว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของ CDC จะประชุมกันในวันพุธนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการพบผู้ที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ขณะที่ FDA จะเริ่มการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน



         แถลงการณ์ ระบุว่า ผู้หญิง 6 คนที่เกิดลิ่มเลือดอุดตัน หลังได้รับวัคซีนมีอายุระหว่าง 18-48 ปี อาการเกิดขึ้นในวันที่ 6-13 หลังได้รับวัคซีน หญิงรายหนึ่งถึงขั้นเสียชีวิต ขณะที่หญิงรายที่สองซึ่งอยู่ในรัฐเนแบรสกาเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการวิกฤต



        ผู้ประสานงานโควิด-19 ของทำเนียบขาว ระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯสั่งซื้อวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นา เพียงพอสำหรับฉีดให้ชาวอเมริกัน 300,000,000 คน และได้รับวัคซีนจากทั้งสองบริษัทมากกว่า 25,000,000 โดส ต่อสัปดาห์ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว



         นายซีนต์ส กล่าวว่า สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ จะได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์และโมเดอร์นา 28,000,000 โดส ซึ่งมากพอสำหรับการเดินหน้าฉีดวัคซีน 3,000,000 เข็มต่อวัน และบรรลุเป้าหมาย 200,000,000 เข็มภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไบเดน และมากพอที่จะฉีดให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการรับวัคซีน



         ทำเนียบขาวกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ เพื่อปรับแผนการฉีดวัคซีนโดยเร็วเพื่อให้ประชาชนที่มีกำหนดเข้ารับการฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เปลี่ยนมาฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นาแทน



         เมื่อเดือนที่แล้วประธานาธิบดีไบเดน ประกาศเป้าหมายใหม่สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีน 200 ล้านเข็มภายใน 100 วันของการทำหน้าที่ประธานาธิบดี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเริ่มแรกที่ 100 ล้านเข็ม




ยุโรปถึงจุดวิกฤต ยอดเสียชีวิตจากโควิด-19 รวมกันทั้งทวีปพุ่งทะลุล้าน



         สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปน่าห่วงมาก หลังจากมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 รวมกันทั้งทวีปพุ่งทะลุ 1,000,000 ราย ท่ามกลางเสียงเตือนขององค์การอนามัยโลกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณทั้งๆ ที่มีความพยายามอย่างมากที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาด



          นางมาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าทีมทางเทคนิคด้านโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เรากำลังอยู่ในจุดวิกฤตของการระบาด แนวโน้มการระบาดกำลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สถานการณ์ที่เราต้องการให้เป็นในช่วง 16 เดือน ที่เกิดการระบาด



รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรีย ไขก๊อก สู้โควิด-19 จนล้า



         นายรูดอล์ฟ อันโชเบอร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขออสเตรีย เตรียมตัวลาออกในวันจันทร์หน้า เพราะเหนื่อยล้าและไม่สบายจากการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสู้กับเจ้าหน้าที่คนอื่นนายอันโชเบอร์ วัย 60 ปี รับตำแหน่งเมื่อพรรคกรีนเข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเดือนม.ค.63 ก่อนที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในออสเตรีย



         นายอันโชเบอร์ ระบุว่า วิกฤตสาธารณสุขครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษเช่นในขณะนี้ต้องการรัฐมนตรีสาธารณสุขที่พร้อมร้อยเปอร์เซนต์ ไม่ใช่เขาที่มีโรคความดันโลหิตสูง เขาเตรียมตัวลาออกในวันจันทร์หน้า เพราะไม่อยากทำร้ายตัวเอง เขาได้เริ่มงานที่ดีและท้าทายเมื่อ 15 เดือนก่อน แต่ 15 เดือนที่ผ่านมายาวนานราวกับ 15 ปี ไม่ได้หยุดพักอย่างเต็มที่แม้แต่วันเดียว ทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง



        นายอันโชเบอร์ เป็นอดีตผู้สื่อข่าวและครูที่ผันตัวมาลงสนามการเมือง ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะมีความอดทนในการอธิบายสถานการณ์การระบาด บางครั้งต้องถือแผนภูมิขนาดใหญ่ประกอบการอธิบาย แต่เขาเป็นคนเดียวในรัฐบาลที่เรียกร้องให้เข้มงวดมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ขัดแย้งกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมในรัฐบาลที่ต้องการให้ผ่อนคลายมาตรการแม้ยอมรับว่าคนติดเชื้อมากเกินไปแล้วก็ตาม ออสเตรียมีประชากรราว 9,000,000 คน มียอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 579,000 คน เสียชีวิตกว่า 9,700 ราย



ช่วงโควิด ทำให้ยอดงานเขียนหนังสือในฝรั่งเศสพุ่ง จนสำนักพิมพ์งดรับต้นฉบับ




         ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 จำกัดการเดินทางไปไหนมาไหน ชาวฝรั่งเศสหันมาผลิตงานเขียนเพิ่มขึ้น จนสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ต้องประกาศหยุดรับต้นฉบับชั่วคราว ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ อ่านไม่ทัน



        Gallimard สำนักพิมพ์ชื่อดังของฝรั่งเศส ตีพิมพ์ผลงานของนักเขียนคนสำคัญมากมาย เช่น มาร์แซล พรูสต์, ซีโมน เดอ โบวัวร์, อัลแบร์ต กามูส์ ประกาศทางเว็บไซต์และทวิตเตอร์ว่า “เนื่องด้วยสถานการณ์พิเศษ เราขอหยุดรับต้นฉบับ โปรดดูแลตัวเอง และขอให้มีความสุขกับการอ่าน”

         ตามปกติแล้ว Gallimard จะได้รับต้นฉบับประมาณ 30 ชิ้นต่อวัน แต่หลังจากล็อกดาวน์ในฝรั่งเศส ยอดต้นฉบับเพิ่มเป็น 50 ชิ้นต่อวัน ไม่ใช่แค่สำนักพิมพ์เดียวที่ประสบปัญหานี้ สำนักพิมพ์ Seuil ที่แต่ละปีเคยได้รับต้นฉบับประมาณ 3,500 ชิ้น แต่ตอนนี้เพียงแค่ 3 เดือนแรกของปี 2021 มีผู้ส่งงานมาแล้ว 1,200 ชิ้น



         ด้าน เวโรนิค คาร์ดิ จากสำนักพิมพ์ JC Lattès ให้สัมภาษณ์กับ France Culture เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีต้นฉบับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในจำนวนนี้มีทั้งนักเขียนหน้าใหม่จำนวนมาก และนักเขียนอาชีพที่มีเวลาผลิตผลงานของตัวเองให้เสร็จในช่วงล็อกดาวน์ เธอยังกล่าวว่า ต้นฉบับมาจากนักเขียนที่มีภูมิหลังหลากหลายมาก เช่น เป็นนักแสดง นักร้อง ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า นักเขียนตีพิมพ์ผลงานด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นจากเดิม



         อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการอ่านหนังสือของชาวฝรั่งเศสสวนทางกับการเขียน รายงานของศูนย์การพิมพ์แห่งชาติ (Centre national du livre) เมื่อเดือนมี.ค.64 เปิดเผยว่า ชาวฝรั่งเศสเกินร้อยละ 80 อ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่มต่อปี ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะพื้นที่อ่านหนังสือ เช่น ห้องสมุด ปิดทำการ หรือช่วงเวลาการอ่านระหว่างเดินทางด้วยขนส่งมวลชนจากบ้านไปทำงานหายไป รายงานยังระบุว่า คนอ่านหนังสือนิยายน้อยกว่าประเภทอื่นๆ



         แม้ว่าจะมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด แต่รัฐบาลประกาศว่า ร้านหนังสือเป็นบริการที่สำคัญ จึงสามารถเปิดให้บริการได้ ขณะที่มีผลการสำรวจเดือนต.ค.63 ว่า ชาวฝรั่งเศสอ่านหนังสือในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น และหันมาซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่ออ่านหนังสือในช่วงล็อกดาวน์ เช่น หนังสือเสียง (audiobook) มีผู้อ่านเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับต้นปี




สหรัฐฯ ส่งสารอวยพร เทศกาลสงกรานต์ ย้ำไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่มั่นคงที่สุด




         สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เผยแพร่สารจากนายแอนโทนี เจ. บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อวยพรให้คนไทยมีความสุขกาย สุขใจ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวาระวันขึ้นปีใหม่ไทย พร้อมทั้งย้ำว่า สหรัฐฯภูมิใจที่ได้ยกย่องให้ไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่สุด ความสัมพันธ์นี้รวมถึงการพัฒนาความมั่นคงระดับภูมิภาค การขยายการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่จะช่วยกันต่อสู้กับโรคโควิด-19



         กว่า 60 ปีมาแล้วที่หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(U.S. CDC) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) และองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ได้จับมือกับหน่วยงานของไทยในการปกป้องดูแลสุขภาพของชาวอเมริกัน ชาวไทย และประชาคมโลก ในขณะนี้ ความร่วมมือดังกล่าวมีความสำคัญมากขึ้น




ปธน.ไช่ อิง เหวิน แห่งไต้หวัน ทวีตอวยพรคนไทย



        นางไช่ อิง เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว อวยพรคนไทย เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยมีข้อความ ระบุว่า “คำอวยพรจากไต้หวัน สุขสันต์วันสงกรานต์ ขอให้พี่น้องชาวไทย มีความสุขในวันปีใหม่และรักษาสุขภาพด้วย” Happy #Songkran from #Taiwan to all our #Thai friends! Enjoy the New Year vacation and stay healthy โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าไปคอมเมนต์อวยพรวันสงกรานต์ด้วยจำนวนมาก



เมืองใหญ่ในเมียนมา สุดเงียบเหงา ประชาชนงดเล่นน้ำ เทศกาล ตะจาน



       สำนักข่าว ดิ อิระวดี รายงานว่า ถนนหลายสายในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมา ต่างเงียบเหงา เมื่อประชาชนไม่ร่วมงานสาดน้ำในเทศกาล ตะจาน หรือ สงกรานต์ของเมียนมา



       เช่นเดียวกับที่ ย่างกุ้ง ไม่มีการเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลตะจาน ตามปกติแล้ว เทศกาลดังกล่าว ชาวเมียนมาจะออกมาเล่นน้ำกัน ประชาชนเลือกจะต่อต้านกิจกรรมดังกล่าว จากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ



       การจัดเทศกาลตะกาน เป็นเทศกาลที่ชาวเมียนมา ร่วมเล่นสาดน้ำเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ ในกรุงย่างกุ้ง เทศกาล ตะจาน คล้ายกับประเพณีสงกรานต์ในประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน คือ การเล่นสาดน้ำเพื่อคลายร้อน นอกจากการเล่นสนุกสนานแล้ว ก็ยังมีประเพณีบุญ คือ การทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล เช่น การตักบาตร, สรงน้ำพระพุทธรูป, ถือศีลปฏิบัติธรรม, ทำความสะอาดวัดหรือศาสนสถาน, ทำบุญบ้าน, สระผมหรืออาบน้ำทำความสะอาดให้แก่คนชราที่ไร้ญาติ รวมถึงการปล่อยสัตว์ต่าง ๆ ขณะที่ผู้คนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างถิ่น ก็จะเดินทางกลับบ้านกราบไหว้ผู้ใหญ่ในครอบครัว




จีน-ไต้หวัน ประท้วงญี่ปุ่น เรียกร้องขอให้ยกเลิกการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี



         หลังจากที่นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึกะ ของญี่ปุ่น ประกาศว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเตรียมปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะประมาณ 1.25 ล้านตัน จากอ่างเก็บ 1,020 แห่ง ทยอยลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เนื่องจากอ่างเก็บน้ำเสีย ภายในโรงไฟฟ้าที่รองรับปริมาณน้ำได้สูงสุด 1.37 ล้านตัน จะเต็มความจุภายในปี 2565 น้ำเสียทั้งหมดจะผ่านกระบวนการกรองเพื่อลดสารอันตรายลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล โดยบริษัทไฟฟ้าโตเกียว ( เทปโก ) ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าแห่งนี้ จะใช้เครื่องกรองน้ำเสียประสิทธิภาพสูง เพื่อคัดแยกสารอันตรายออกจนเกือบหมด โดยเหลือเพียงทริเทียม



         อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ว่า "เป็นแผนการที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างมาก" เพราะจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผลประโยชน์ร่วมกันในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในด้านสาธารณสุข สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยสาธารณะ



        ขณะที่แถลงการณ์โดยกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ แสดงความวิตกกังวลอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งทางตรงและทางอ้อม และความปลอดภัยทุกด้านของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้ญี่ปุ่นปรึกษาหารือกับประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง



        ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่ง รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศในกรุงโซลเชิญนายโคอิจิ ไอโบชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น เข้าพบเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการด้วย โดยย้ำว่า อุตสาหกรรมประมงจะได้รับผลกระทบอย่างมาก



        ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เชิงปกป้องว่ารัฐบาลญี่ปุ่นปฏิบัติตามแนวทางของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( ไอเออีเอ ) ซึ่งนายราฟาเอล มาริอาโน กรอสซี ผู้อำนวยการไอเออีเอ ยืนยันว่า กระบวนการปล่อยน้ำของญี่ปุ่นได้มาตรฐานแม้ปริมาณน้ำมากกว่าเกณฑ์ปกติหลายเท่าตัว




 



 

ข่าวทั้งหมด

X