ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30 น.วันอังคารที่ 13 เมษายน 2564

          การสอบสวนเหตุคนร้ายกราดยิงหลายนัด หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน คนร้ายสวมหมวกปกปิดใบหน้า หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ อัยการกรุงปารีส เปิดการสอบสวนคดีฆาตกรรมและคดีพยายามฆ่าต่อเหตุกราดยิงดังกล่าว ชี้ว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การก่อการร้าย ขณะที่ เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ได้แสดงความเห็นว่าเกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายหรือไม่

         ตำรวจฝรั่งเศส ติดตามไล่ล่ามือปืน จากคำบอกเล่าของพยาน ระบุว่า อาจเป็นเรื่องของการแก้แค้นก็ได้

         ส่วน น.ส.นูรา แบร์ราห์มูนี หนึ่งในพยาน บอกว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้หญิง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล นับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก สงสัยว่าจะเป็นการแก้แค้น เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะมีเหยื่อเคราะห์ร้ายมากกว่านี้ก็ได้

รัฐมินนิโซตาวุ่น ! ต้องใช้เคอร์ฟิว คุมเหตุจลาจล คนไม่พอใจ ตร.ยิงวัยรุ่นผิวดำ

         จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์ รัฐมินนิโซตา สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 ตำรวจยิงนายดอนเต ไรต์ หนุ่มผิวดำวัย 20 ปี เสียชีวิต จากการละเมิดกฎหมายจราจร ทำให้ประชาชนไม่พอใจออกมาชุมนุมประท้วงก่อเหตุวุ่นวาย ทำให้ตำรวจเมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์ ต้องใช้กระสุนยางและระเบิดแสง สลายกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 100-200 คน ที่ชุมนุมอยู่หน้าที่ทำการสำนักงานตำรวจและขว้างปาสิ่งของใส่ เนื่องจาก ไม่พอใจกรณีการเสียชีวิตของนายไรต์

         นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงอีกกลุ่มบุกเข้าปล้นห้างร้านราว 20 แห่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง นายไมค์ เอลเลียต นายกเทศมนตรีบรูกลิน ต้องบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 01.00-6.00 น. วันจันทร์ 12 เม.ย.64และนำทหารจากกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนล การ์ด) มาช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย

        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางเคที ไรต์ แม่ของนายไรต์ เปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ โดยเขาบอกว่า ถูกตำรวจเรียกให้จอดรถ เพราะห้อยน้ำหอมปรับอากาศที่กระจกมองหลัง ซึ่งผิดกฎหมายในรัฐมินนิโซตา และเธอได้ยินเสียงตำรวจบอกให้ลูกชายลงจากรถ เสียงใส่กุญแจมือ และเสียงเรียกไม่ให้ลูกชายของเธอหนีก่อนที่สายจะตัดไป และเมื่อโทรกลับไปพบว่านายไรต์เสียชีวิตแล้ว

          ด้านสำนักงานตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์ แถลงว่า ตำรวจเรียกให้นายไรต์จอดรถเมื่อเวลาใกล้ๆ 14.00 น.วันอาทิตย์ เนื่องจากทำผิดกฎหมายจราจร ก่อนที่จะตรวจพบว่า เขามีหมายจับค้างอยู่ แต่เมื่อพยายามเข้าจับกุม นายไรต์ กลับหนีขึ้นรถ ตำรวจนายหนึ่งจึงยิงใส่ แต่นายไรต์ยังขับรถไปได้หลายช่วงตึกก่อนชนกับรถอีกคันและเสียชีวิตในรถ

         ตำรวจทั้งคู่มีกล้องติดตัวและบันทึกภาพเหตุการณ์ระหว่างเกิดเหตุไว้แล้ว ขณะที่สำนักงานสอบสวนอาชญากรรมของรัฐมินนิโซตา ระบุว่า กำลังสอบสวนเรื่องนี้

ไฟไหม้โรงงานผ้ารัสเซียอายุกว่า100 ปี ดับเพลิงเจ็บ 2

         เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผ้าแห่งหนึ่งในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ทำให้กลุ่มควันดำพวยพุ่งปกคลุมท้องฟ้า เร่งอพยพประชาชนราว 40 คน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ระดมกำลังกันเข้าดับไฟ กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซีย เปิดเผยว่า ไฟโหมลุกไหม้หลายชั้นของอาคารเนฟสกายา มานูแฟคทูรา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานที่ก่อด้วยอิฐแดง มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 2 นาย และอีก 1 นาย ขาดการติดต่อ กำลังตรวจสอบ

         โรงงานขนาดใหญ่แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี 1841 ดำเนินงานโดยรัฐบาลในช่วงที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต ก่อนจะเป็นของเอกชนเมื่อปี 1992 และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พื้นที่อาคารบางส่วนกลับมาผลิตผ้าอีกครั้ง ขณะที่ส่วนอื่นๆ ถูกปล่อยเช่าเพื่อเป็นสำนักงานและถูกปล่อยร้าง

ทูตยูเอ็นประจำเมียนมา เตรียมเข้าพบ รมว.ไทย หาทางแก้ปัญหา

         สำนักข่าวอิระวดี นิวส์ เผยแพร่รายงานว่า นางคริสตีน ชลาเนอร์ เบเกอร์เนอร์ ผู้แทนพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกิจการเมียนมา ซึ่งเดินทางถึงกรุงเทพฯของไทย และเสร็จสิ้นการกักตัวเป็นเวลา 7 วัน เพื่อควบคุมและป้องกันโควิด-19 ระบาด รวมถึงได้ฉีดวัคซีน 2 โดส ป้องกันโควิด-19 ก่อนเดินทางถึงเมืองไทยแล้ว เตรียมเข้าพบกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และตัวแทนจากหน่วยงานอื่นของสหประชาชาติหรือยูเอ็น เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะใช้แนวทางสันติแก้ปัญหาในเมียนมา

         ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างคำกล่าวของนายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกประจำยูเอ็น ที่เผยว่า รัฐบาลทหารเมียนมา ยังไม่เปิดไฟเขียวให้นางชลาเนอร์ เบเกอร์เนอร์เข้าประเทศ ขณะที่นางชลาเนอร์ เบเกอร์เนอร์ พร้อมเดินทางไปเมียนมา และต้องการที่จะพบกับประธานาธิบดี อู วิน มินต์ กับนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐด้วย

เจ้าชายแฮร์รี่ อยู่ระหว่างกักตัว ก่อนเข้าร่วมพิธีฝังพระศพ เจ้าชายฟิลิป

         เจ้าชายแฮร์รี่ ดยุคแห่งซัสเซกซ์ เสด็จฯจากสหรัฐฯ ถึงกรุงลอนดอนแล้ว เพื่อทรงร่วมในพิธีฝังพระศพเจ้าชายฟิลิป พระอัยกา ซึ่งสิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะพระชนมายุ 99 พรรษา ขณะที่ เมแกน ชายา ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาด้วย

         รายงานระบุว่า เจ้าชายแฮร์รี่ เสด็จฯ โดยเครื่องบินโดยสารสายการบินบริติช แอร์เวย์ จากท่าอากาศยานในลอสแอนเจลิส เมื่อคืนวันเสาร์ 10 เม.ย.64 ตามเวลาท้องถิ่น ถึงท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน เมื่อเวลา 13.15 วันอาทิตย์ที่ 11 เม.ย.64 ตามเวลาในอังกฤษ

         จากนั้น เจ้าชายแฮร์รี่ได้ประทับที่พระตำหนักฟร็อกมอร์ คอทเทจ ที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระองค์ ภายในเขตพระราชฐานของพระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อกักพระองค์เป็นเวลา 5 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 และเมื่อผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นลบ จึงจะทรงสามารถเข้าร่วมในพิธีฝังพระศพเจ้าชายฟิลิป ในวันเสาร์ที่ 17 เม.ย.64 ได้

ผอ.WHO เผยการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังอยู่อีกยาวไกลกว่าจะจบ

         สถานการณ์โควิด-19 นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ต้องการที่จะเห็นสังคมและเศรษฐกิจกลับมาเปิดได้อีกครั้ง รวมทั้งการเดินทางและติดต่อค้าขาย แต่ขณะนี้ หน่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยขั้นวิกฤต (ไอซียู) ในหลายประเทศ กลับมีคนไข้ล้นและประชาชนที่กำลังจะเสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ยังอยู่อีกยาวไกลกว่าจะจบ

        ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ในบางประเทศแม้ยังคงมีการแพร่ระบาด แต่ร้านอาหารและสถานบันเทิงยามราตรีกลับมีคนไปใช้บริการอย่างเนืองแน่น ตลาดก็เปิดใช้ได้ แต่ก็มีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังใช้มาตรการเฝ้าระวังอยู่

         อินเดีย แซงหน้า บราซิล ขึ้นไปอยู่ประเทศอันดับสองของโลกที่มีผู้ป่วยติดเชื้อมากที่สุดรองจากสหรัฐฯ และเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ปรากฏว่า มีการจัดฉีดวัคซีน 105 ล้านโดสให้ประชากร 1,400 ล้านคน

        นางมาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าทีมโควิด-19 องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การแพร่ระบาดใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้น เช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเลขเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่เจ็ดแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 5