ผลการศึกษาของอิสราเอลพบโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 'เจาะ' วัคซีนไฟเซอร์

11 เมษายน 2564, 07:50น.


          มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ และคลาลิต ผู้ให้บริการด้านสุขภาพของอิสราเอลรายงานผลการศึกษาในเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้สามารถ "เจาะทะลุ" วัคซีนที่มีการพัฒนาร่วมกันของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคได้ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยระบุว่า อิสราเอลพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้จำนวนน้อยและรายงานฉบับนี้ยังต้องรอการทบทวน



          การศึกษาในครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างเกือบ 400 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกหลังจากที่ได้รับวัคซีน 1 หรือ 2 ครั้ง กับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับวัคซีน พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B1351) มีจำนวนประมาณร้อยละ 1 ของผู้ป่วยทั้งหมด



ที่ผู้วิจัยเป็นกังวลก็คือ ผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนครบ 2 ครั้งแล้วมีอัตราติดเชื้อสูงกว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนถึง 8 เท่าคือในอัตราร้อยละ 5.4 ต่อร้อยละ 0.7



          และบ่งชี้ให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพน้อยลงเมื่อต้องป้องกันสายพันธุ์ของแอฟริกาใต้ เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์สหราชอาณาจักรซึ่งคือผู้ป่วยเกือบทั้งหมดในอิสราเอล



          นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ กล่าวว่า พบอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เป็นสัดส่วนของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ในกลุ่มคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 ครั้งเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนซึ่งหมายความว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้สามารถทำลายการป้องกันของวัคซีนได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามนักวิจัยชี้แจงว่า การวิจัยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสรุปประสิทธิผลของวัคซีนโดยรวมในการป้องกันสายพันธุ์ เพราะเป็นการวิเคราะห์เฉพาะผู้ที่ได้รับการทดสอบในเชิงบวกแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ที่อัตราการติดเชื้อโดยรวม



          ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค มีรายงานผลการทดสอบครั้งล่าสุดคือเมื่อวันที่ 1 เมษายน ว่าวัคซีนของพวกเขามีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 91 โดยในกรณีของสายพันธุ์แอฟริกาใต้มีการทดสอบในกลุ่มอาสาสมัคร 800 คนในประเทศแอฟริกาใต้ พบผู้ติดเชื้อ 9 คน ซึ่งทั้งหมดคือผู้ที่ได้รับยาหลอก ในกลุ่ม 9 คนนี้มีอยู่ 6 คนที่ติดเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้



          นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าวัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันสายพันธุ์แอฟริกาใต้เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ 



...

ข่าวทั้งหมด

X