นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการทบทวนด้านความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังเกิดภาวะลิ่มเลือดและเกร็ดเลือดต่ำในผู้ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป มีข้อสรุปว่า ภาวะลิ่มเลือดผิดปกติและภาวะเกร็ดเลือดต่ำ มีความเป็นไปได้ว่าจะสัมพันธ์กับการรับวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก แต่เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมาก อยู่ที่ระหว่าง 2-4 ต่อล้านการฉีด ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะเก็บข้อมูลต่อไปว่า ในส่วนที่มีความเป็นไปได้นั้น จะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนหรือไม่ เนื่องจากการตัดสินใจความเกี่ยวข้อง จะมี 3 ระดับ คือ เป็นไปไม่ได้ , เป็นไปได้ และยืนยันว่าเกี่ยวข้องแน่นอน
นอกจากนี้ ภาวะลิ่มเลือดยังแปรผันไปตามเชื้อชาติและวิถีชีวิตของประชากรชาตินั้นๆ คนเอเชียจะมีโอกาสเกิดต่ำกว่ายุโรป แต่ไทยจะติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะขอข้อมูลจากประเทศอื่นๆ เพื่อมาศึกษา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และจะติดตามข้อสรุปจากองค์การอนามัยโลกที่จะให้ข้อแนะนำเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อแนะนำให้หยุดฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา มีเพียงบางประเทศที่กำหนดให้ฉีดกับคนบางช่วงอายุเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าการผลิตวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา โดยบริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ ซึ่งมีรอบการผลิตครั้งละ 2,000 ลิตร ก็ไปตามแผน ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวอย่างไปตรวจสอบคุณภาพที่ห้องแล็บของแอสตราเซเนกา ที่สก๊อตแลนด์และสหรัฐอเมริกา คาดว่าผลตรวจสอบจะได้รับการรับรองและทยอยส่งกลับมาในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะทำให้แผนการส่งมอบวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นไปตามที่กำหนด ในระหว่างนี้ก่อนจะมีวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ก็จะใช้วัคซีนจากซิโนแวคไปก่อน