โป๊ปฟรานซิส เรียกร้องให้เร่งแบ่งปันวัคซีนโควิด-19 ให้ประเทศยากจน
ชาวคริสต์ทั่วโลก ต่างฉลองเทศกาลอีสเตอร์ วันสำคัญทางศาสนาคริสต์ เฉลิมฉลองวันการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ หลังจากทรงถูกตรึงกางเขน ท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19
ภายในวิหารเซนต์ปีเตอร์ส บาซิลิกา กรุงโรม ของอิตาลี สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงประกอบพิธีทางศาสนา พบว่ามีสาธุชนนักแสวงบุญชาวคริสต์แค่ 200 คน ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน จากปกติที่มีจำนวนหลายพันคนในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 หรืออาจมากถึง 100,000 คน รับการประทานพรพิเศษเนื่องในวันอีสเตอร์ การจัดงานในปีนี้เหมือนปีที่แล้ว ที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนสามารถรวมตัวกันในอิตาลีและในนครรัฐวาติกัน มีเพียงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กี่นาย ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย
สมเด็จพระสันตะปาปา ขอให้เร่งแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้เร็วมากขึ้น โดยเฉพาะแจกให้กับประเทศยากจน วิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้วิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจเลวร้ายโดยเฉพาะคนที่ยากไร้
สมเด็จพระสันตะปาปา วอนขอให้พระผู้เป็นเจ้า ช่วยเหลือคนป่วย ผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก รวมถึงบุคคลที่ถูกเลิกจ้าง พระองค์ทรงตรัสสรรเสริญเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ผู้เสียสละ ทรงสงสารบรรดาเด็กๆที่อดไปโรงเรียน และตรัสว่าทุกคนถูกกำหนดให้ต้องต่อสู้กับมหาภัยโรคติดต่อนี้
ที่โรงพยาบาลแคว้นลอมบาร์เดียของอิตาลี มีการแจกจ่ายขนมเค้กอีสเตอร์รูปนกพิราบขาวตามประเพณีที่สื่อไปถึงสันติภาพให้กับทุกคนที่กำลังเข้าคิวเพื่อรอรับวัคซีนโควิด-19 และส่วนมากที่เข้ามารับจะอยู่ในช่วงวัยกว่า 80 ปีและมาพร้อมกับบุตรหลานที่เป็นผู้ใหญ่
อิตาลี อยู่ระหว่างการล็อกดาวน์ ห้ามออกจากบ้านเป็นเวลา 3 วันหลังจากวิกฤตโรคระบาดเพิ่มสูงขึ้น โดยอนุญาตให้สามารถออกจากบ้านเดินทางไปเยี่ยมคนต่างครอบครัวได้แค่ 1 ครั้งต่อวัน ภายในเขตใกล้เคียงเท่านั้น
ในเมืองเยรูซาเลม อิสราเอล มีการจำกัดการเดินทาง และดำเนินมาตรการกักกันโรค เพื่อป้องกันไม่ให้นักแสวงบุญชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาที่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ในช่วงสัปดาห์อีสเตอร์นี้
CR:Reuters
โบสถ์ในเกาหลีใต้ จำกัดคนเข้าร่วมพิธีอีสเตอร์ ต้องสวมหน้ากากอนามัย
เกาหลีใต้ มีประชาชนนับถือศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก พบว่า โบสถ์ Yoido Full Gospel Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อนุญาตให้สาธุชนแค่จำนวน 2,000 คนเท่านั้นเข้าร่วมประกอบพิธีอีสเตอร์ หรือคิดเป็นแค่ร้อยละ 17 ของอาคารหลักของโบสถ์ที่สามารถรับได้ตามปกติ โดยผู้ที่เข้าร่วมประกอบพิธีต่างสวมหน้ากากอนามัย ร้องบทเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ปรบมือ และสวดภาวนาระหว่างการถ่ายทอดสดทางออนไลน์ที่เผยแพร่ทางช่องทีวีคริสเตียน
ชาวจีน ไหว้บรรพบุรุษ แบบออนไลน์
ชาวจีนในกรุงปักกิ่ง ของจีน เข้าร่วมพิธีเชงเม้งหรือพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประชาชนบางส่วนก็เลือกที่จะเซ่นไหว้เเบบออนไลน์เเทนการงดเว้นไหว้ ชาวจีนที่กรุงปักกิ่งถือปฏิบัติตามประเพณี เดินทางไปยังสุสานเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ แต่มีประชาชนส่วนหนึ่งเลือกที่จะไหว้เช็งเม้งทางออนไลน์ ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
รั้งไม่ไหว ! รัฐมหาราษฎระ อินเดีย ประกาศล็อกดาวน์ 1 เดือน
ทางการรัฐมหาราษฏระ ตอนกลางของประเทศอินเดีย ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากบ้านในยามวิกาลระหว่างเวลา 20.00-07.00 น.ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 เม.ย.64 เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 เม.ย.64เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย รายงานว่า เมื่อวานนี้ 4 เม.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ถึง 93,249 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ย.63 ผู้ติดเชื้อเกินครึ่งอยู่ในรัฐมหาราษฏระ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี สั่งให้ทีมผู้เชี่ยวชาญพิเศษเดินทางไปที่รัฐนี้ เพื่อสืบสวนหาสาเหตุจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น
มาตรการล็อกดาวน์ เต็มรูปแบบ
-ห้ามคนออกนอกบ้าน
-สำนักงานของรัฐบาล จะมีเจ้าหน้าที่มาทำงานครึ่งหนึ่ง หรือ ร้อยละ 50 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
-เปิดธุรกิจที่สำคัญเท่านั้น
-เปิดให้บริการขนส่งสาธารณะ
-ปิดโรงภาพยนตร์
-ปิดสนามเด็กเล่น
-ร้านค้า บาร์ และร้านอาหาร ให้บริการได้ แต่ต้องซื้อกลับบ้านและส่งถึงบ้านเท่านั้น
สาเหตุที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น คาดว่า สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะมาตรการควบคุมโรคหย่อนยาน
คนร้าย ใช้แท่งเหล็กทุบร้านสะดวกซื้อของชาวเอเชีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา
สำนักข่าวเอบีซี รายงานเหตุคนร้ายบุกทุบทำลายร้านสะดวกซื้อ พลาซา ซันดรายส์ ของชาวเอเชีย เชื้อสาย เกาหลี-อเมริกัน ในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐฯ ผู้ก่อเหตุใช้ท่อนเหล็กจากป้ายบอกทางทุบทำลายกระจกและข้าวของภายในร้าน พร้อมกับตะโกนถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชีย ร้านค้าแห่งนี้มักถูกตะโกนด่าเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ถึงขั้นทำลายสิ่งของ
ภายหลังการก่อเหตุ คนร้ายถูกจับและตั้งข้อหา 5 ข้อหา หนึ่งในนั้น คือ มีอาวุธอันตรายไว้ในความครอบครองและทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคล
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก เหตุคนร้ายทำร้ายหญิงชาวเอเชีย วัย 65 ปี ในย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าคนร้ายได้พุ่งเข้าชกหญิงสูงอายุจนเธอล้มลงและลงมือทำร้ายซ้ำ ท่ามกลางสายตาของผู้ที่เดินผ่านไปมา ภายหลังได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายแบรนดอน เอลเลียต วัย 38 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง
ตำรวจในนครนิวยอร์ก ส่งกำลังลงพื้นที่เพื่อลาดตระเวนในชุมชนชาวเอเชีย หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงต่อชาวเอเชียจากการถูกเหยียดเชื้อชาติเพิ่มมากขึ้น เบื้องต้น ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบลงพื้นที่ย่านไชน่าทาวน์ ที่มีชาวเอเชียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันเหตุร้าย
ขณะที่ข้อมูลเชิงสถิติ ระบุว่า การก่อเหตุคดีอาชญากรรมต่อชาวเอเชียพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 150 หลังจากแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
‘แคร์รี แลม’ ไม่กลัวถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร
หลังจากที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตร นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกงหลายครั้ง และยังสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของฮ่องกงอีก 11 คน ในข้อหาบ่อนทำลายเอกราชของฮ่องกง และยึดคืนสถานะพิเศษต่างๆ ที่ฮ่องกงได้รับภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติกับฮ่องกงต่างจากเมืองอื่นๆ ของจีน
ล่าสุด นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวว่า เธอไม่เกรงกลัวการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไปเพื่อปกป้องประเทศชาติและฮ่องกงความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น
นางแลม ระบุว่า ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมาเกือบ 4 ปีแล้ว และโดยเฉพาะช่วง 2 ปีแรก เผชิญกับวิธีการที่รัฐบาลและนักการเมืองต่างชาติใช้ประโยชน์จากฮ่องกงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา
สังคมฮ่องกงมีเสรีและความหลากหลาย แต่เมื่อไม่มีกฎหมายความมั่นคงระดับชาติ กลุ่มผู้ต่อต้านจีนจึงพบช่องโหว่ใช้ฮ่องกงเป็นเครื่องมือในการโจมตีจีน ดังนั้น กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ จึงเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปที่ใช้กันทั่วโลก