โฆษกกระทรวงต่างประเทศ เผย คนไทยในเมียนมายังปลอดภัย ซ้อมแผนอพยพหลังประท้วงต่อเนื่อง

02 เมษายน 2564, 15:42น.


          สถานการณ์ในประเทศเมียนมา นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากรายงานของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ขณะนี้ สถานการณ์ในกรุงย่างกุ้งยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก มีการประท้วง การปะทะเป็นจุดๆ แต่ยังสามารถจัดหาอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ได้ สะดวกไม่ขาดแคลน ซึ่งกระทรวงต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้มีการจัดทำแผนช่วยเหลือและอพยพคนไทยไว้อยู่แล้วและมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน นอกจากนี้สถานเอกอัครราชทูต ร่วมกับทีมประเทศไทย ณ นครย่างกุ้ง รวมถึงผู้แทนชุมชนไทยและนักธุรกิจไทยมีการประชุม หารือเรื่องสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับปรุงซ้อมแผนการอพยพโดยตลอดและสอดคล้องกับเหตุการณ์ 



          ปัจจุบันมีคนไทยอยู่ในย่างกุ้ง 447 คน ในต่างจังหวัดและรัฐต่างๆ 272 คน รวมมีคนไทยอยู่ในเมียนมา 719 คน ขณะนี้จากการประเมินสถานการณ์ในเมียนมายังไม่ถึงขั้นต้องเตือนให้อพยพกลับไทย แต่หากมีการยกระดับสถานการณ์ขึ้นอีกไทยก็เตรียมการไว้ทุกขั้นตอน นอกจากนี้ในส่วนผู้หนีภัยความไม่สงบนั้นย้ำว่า ไทยมีประสบการณ์รับมือผู้อพยพมายาวนาน ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและหลักสากลมาโดยตลอด สำหรับความห่วงกังวลที่จะมีผู้หนีภัยเข้ามาเป็นจำนวนมากฝ่ายความมั่นคงและจังหวัดตามแนวชายแดนก็ได้มีการเตรียมความพร้อมแนวปฏิบัติ สถานที่ และการป้องกันโควิด-19 ไว้แล้ว  โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ไทยได้ให้ความช่วยเหลือชาวเมียนมาเชื้อสายกระเหรี่ยงจำนวน 7 คน ขณะนี้ยังมีการรักษาตัวในโรงพยาบาล สำหรับผู้หนีภัยที่อยู่ในประเทศไทยนับถึงวันที่ 1 เม.ย.คงเหลืออยู่ 216  คนและผู้หนีภัยกลุ่มใหม่เข้ามาอีก 951 คน รวมทั้งสิ้น 1167 คนและมีการทยอยเดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง



          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้ให้ความสำคัญ พร้อมสั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการดูแลพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง กองทัพบก กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำงานร่วมกันและประสานกระทรวงต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และดูแลผู้หนีภัยที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งการดูแลจะเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมและหลักสากล โดยนายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ดูแลตามหลักสาธารณสุขในช่วงการระบาดของโควิด-19 ให้ทุกหน่วยงานยึดถือปฏิบัติและรายงานนายกรัฐมนตรีอยู่เป็นประจำ



 

ข่าวทั้งหมด

X