สรุปข่าว 19.35น.
+++การติดตามตัว นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าได้เชิญผู้ช่วยทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย มาหารือเกี่ยวกับการจับกุมนายเอกภพ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลว่าหลบหนีอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อมาดำเนินคดีในประเทศไทย แม้ว่าไทยกับนิวซีแลนด์จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่สามารถใช้ช่องทางการทูตได้ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ ส่วนประเด็นหลักๆคือการซักถามเรื่อง นายเอกภพมีสิทธิเป็นพลเมืองของประเทศตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ ก่อนหน้านี้กองการต่างประเทศ ได้นำหมายจับของนายเอกภพในคดีหมิ่นเบื้องสูง ส่งให้ตำรวจสากลออกหมายแดง หรือ เรดโนติส เพื่อแจ้งไปยังประเทศสมาชิกทั้ง 190 ประเทศ ให้ช่วยติดตามจับกุมอีกทางหนึ่งแล้ว ยืนยันจะพยายามอย่างเต็มที่และใช้ทุกช่องทางที่มีนำตัวผู้ต้องหากลับมารับโทษให้ได้
++หลังเสร็จสิ้นการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัตแห่งชาติ หรือ สนช.ที่รัฐสภา สมาชิก สนช.ทยอยเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ อย่างพร้อมเพียง โดยสมาชิกบางคนเดินทางมาพร้อมกับคู่สมรส
++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ยืนยันว่า วันนี้เป็นงานเลี้ยงปีใหม่ พบปะสังสรรค์ของ สนช. ไม่มีการคุยเรื่องการเมืองหรือเรื่องถอดถอน และไม่มีทฤษฎีสมคบคิด แต่เป็นความบังเอิญที่กำหนดวันไว้ก่อน แล้วมาตรงกับวันลงมติถอดถอน
+++ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. เปิดเผยว่า งานเลี้ยงเย็นวันนี้ (22 ม.ค.) ได้มีการกำหนดมาล่วงหน้า เพื่อให้ สนช.พบปะสังสรรค์กันเสมือนงานเลี้ยงปีใหม่ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการกำหนดลงมติถอดถอนในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) ช่วงแรกมีการหารือว่าอยากให้เลื่อนการจัดงาน เพราะไม่อยากถูกมองว่าจะเป็นการมาพูดคุยเรื่องการเมือง แต่มีการเตรียมงานไว้หมดแล้ว จึงต้องเดินหน้าต่อ ขอยืนยันว่าเป็นการสังสรรค์กันตามปกติ ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง
ด้าน พล.ท.พิศนุ พุทธวงศ์ สนช.นายทหารคนสนิของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยืนยันว่า เป็นงานเลี้ยงที่มีกำหนดนัดหมายมานานแล้ว ไม่มีการพูดคุยเรื่องถอดถอน และไม่ขอแสดงความเห็น เพราะไม่สามารถทราบความคิดในใจของใครได้ และตนจะโหวตอย่างไรก็ไม่ขอเปิดเผย
+++ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีความเป็นห่วง แต่ไมถึงขั้นกังวล โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า อยากให้ย้อนกลับไปดูเมื่อตอนที่บ้านเมืองขัดแย้ง ซึ่งส่วนหนึ่งของความขัดแย้งนั้นเกิดจากสิ่งรัฐบาลในตอนนั้นทำไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้มีความผูกพันในแง่การเมือง ขณะที่อีกฝ่ายก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เหมาะสมแล้ว เมื่อบ้านเมืองไปไม่รอด การแถลงปิดคดีทำให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสชี้แจงต่อสังคมอย่างเปิดเผย ให้ประชาชนได้รับฟังข้อมูลครบทั้งสองทาง แบบที่ไม่ใช่การโต้กันผ่านสื่อ จึงเป็นวิธีที่ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย อยากให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันทำความเข้าใจว่านี่เป็นการทำให้ความจริงปรากฏ ในส่วนพวกที่ยังปลุกปั่นนั้น คสช.ยังมีอำนาจเรียกมารายงานตัวหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า คสช.ยังมีอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่อง คสช.พิจารณาดำเนินการอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคิดหลายมุม เนื่องจากไม่อยากให้สังคมตื่นตระหนก หรือเป็นการไล่บี้ใคร จึงดำเนินการด้วยความรัดกุมรอบคอบ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
+++ด้านนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(23ม.ค.)ทางสำนักงานอัยการสูงสุด จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ที่ ในเวลาประมาณ 09.00 น.
+++นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษก วิปสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. )เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้วิปสนช.เสนอวิธีการโหวตลงมติถอดถอนคดีนายนิคม ไวยรัชพานิช นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยแยกการลงคะแนน2 ครั้ง คือ ลงคะแนนคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์พร้อมกัน ส่วนคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้แยกลงคะแนนอีกครั้ง แต่ล่าสุดจากการหารือกับ สนช.หลายคนเห็นว่า หากมีการแยกลงคะแนนตามวิธีดังกล่าว ผลการลงคะแนนครั้งแรกอาจจะส่งผลต่อการลงคะแนนในครั้งที่ 2 ได้ ดังนั้นจะมีการเสนอต่อที่ประชุมในวันที่ 23 ม.ค.ให้มีการลงคะแนนทั้งสามคนในครั้งเดียว โดยแยกบัตรลงคะแนนเป็นสามบัตร ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสนช.จะเห็นชอบวิธีดังกล่าวหรือไม่ เพราะจะไม่สามารถชี้นำการลงคะแนนได้
+++นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)แสดงความเห็นภายหลังการแถลงปิดสำนวนการถอดถอนระหว่าง ป.ป.ช. และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า หลังจากสนช. ได้ฟังข้อเท็จจริงทั้งหมด เชื่อว่าจะสามารถถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สำเร็จ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องก่อให้เกิดความเสียหายอย่างชัดเจนทั้งความผิดตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่สามารถชี้แจงให้เกิดความกระจ่างได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาและอดีต 38 ส.ว.คิดว่าน่าจะไม่ถูกถอดถอนเพราะข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสภาพไปแล้ว อีกทั้งการทำหน้าที่ก็ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง
+++ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาทบทวนบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญ ในประเด็นการห้ามให้สื่อสารที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง หรือ เฮทสปีช ที่ระบุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ และผ่านการพิจารณาไปแล้ว เนื่องจากพบข้อถ้วงติงจากสื่อมวลชนว่าการบัญญัติถ้อยคำดังกล่าวไว้ในหลายส่วน เช่น บททั่วไป ส่วนสิทธิพลเมือง ในมาตราที่เกี่ยวกับสื่อมวลชน ถือเป็นการเขียนบทบัญญัติที่กระทบต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน อีกทั้งจะทำให้ผู้ที่ไม่สุจริตใช้เป็นกลไกในการฟ้องร้อง แทรกแซง และคุกคามสื่อมวลชน โดยข้อสรุปของการพิจารณานั้น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ตัดถ้อยคำที่ว่า "หรือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนในชาติหรือศาสนา หรือการใช้ความรุนแรงระหว่างกัน" ที่เขียนไว้ในหมวด 2 ประชาชน ในตอนที่ 3 ส่วนของสิทธิมาตรานายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงเพิ่มเติมว่าเหตุผลสำคัญที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญทบทวนและแก้ไข คือ เพื่อไม่ให้มีการนำบทบัญญัติไปกล่าวอ้างเพื่อเป็นการจำกัดและลิดรอนสิทธิ เสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน
+++นายพิชัย ชุณหวิชร ประธานคณะกรรมการ บมจ.บางจาก ได้พบพนักงาน โดยขอความร่วมมือไม่ออกสื่อหรือให้ข่าว กรณีการที่ บมจ.ปตท.กำลังเสนอขายหุ้นที่ถือไว้ในบางจากร้อยละ 27.22 ซึ่งนายพิชัยระบุว่า ในส่วนที่ ได้เสนอซื้อหุ้น ในนาม บริษัท บีซีพีคอร์เปอเรชั่น ซึ่งมีพนักงานและผู้บริหารร่วมถือหุ้นนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะซื้อหุ้นได้หรือไม่ เพราะราคาที่เสนอซื้ออาจแข่งขันกับรายอื่นไม่ได้ และหากเอกชนอื่นชนะราคา และ ปตท.ขายให้ โดยเมื่อ ปตท.ไม่ได้ถือหุ้นใหญ่แล้ว นายพิชัยก็อาจจะลาออกจากประธานบอร์ด บางจาก เพื่อหลีกทางให้มีการแต่งตั้งประธานคนใหม่มาแทน
+++ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานบอร์ด ปตท. กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการสั่งการมาถึง ปตท. แต่หากให้ทบทวน รัฐบาลก็ต้องบอกให้แน่ชัดว่า ให้ ปตท.สามารถถือหุ้นได้เกือบทุกโรงกลั่นได้เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาการที่ ปตท.ต้องการขายหุ้นบางจาก ก็เพราะมีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่า ปตท.อาจมีอำนาจเหนือตลาด เพราะ ปตท.ถือหุ้น 5 โรงกลั่นจากที่มี 6 โรงกลั่นในไทย ยกเว้นเอสโซ่เท่านั้น คาดว่า มีผู้เสนอซื้อหุ้นบางจาก จาก ปตท.ประมาณ 3-4 ราย และเม็ดเงินที่เสนอซื้อคาดว่าอยู่ประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท
+++กรณีกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่สุวรรณภูมิเรียกร้องให้กรมการขนส่งทางบก และกระทรวงคมนาคม พิจารณาปรับเพิ่มค่าโดยสารแท็กซี่ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะเห็นว่าอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไม่เป็นธรรมนั้น นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขอยืนยันว่าการคิดคำนวณค่าโดยสารของแท็กซี่มิเตอร์ กรมการขนส่งทางบกได้พิจารณาครอบคลุมไปถึงการให้บริการของแท็กซี่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ต้องให้บริการผู้โดยสารในต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี หรือพัทยา ซึ่งจะมีการคำนวณเผื่อการขับรถเปล่าที่ไม่มีค่าโดยสารตอนกลับมาด้วย ดังนั้นอัตราค่าโดยสารที่กำหนด จึงครอบคลุมการให้บริการรถแท็กซี่ทุกกลุ่มทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล นอกจากเก็บรายได้ตามมิเตอร์แล้ว แท็กซี่สุวรรณภูมิ ยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมอีกเที่ยวละ 50 บาท ถือว่าคุ้มต้นทุนการให้บริการอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยืนยันว่าการให้บริการแท็กซี่สุวรรณภูมิจะต้องกดมิเตอร์ทุกครั้ง ตามประกาศของกระทรวงของคมนาคม มิฉะนั้นจะมีความผิดทั้งถูกปรับ และหากทำผิดซ้ำจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการเรียกร้องขอเก็บค่าสัมภาระของผู้โดยสารเพิ่มนั้น เรื่องนี้กรมการขนส่งทางบก ขอเวลาศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อน เนื่องจากต้องพิจารณาวางระบบใหม่ เพราะหากจะเก็บจริงแท็กซี่ทุกคันจะต้องได้ค่าสัมภาระเท่าเทียบกันทั้งหมดในทุกท่าอากาศยาน รวมถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารต่างๆด้วย ไม่ใช่เฉพาะแท็กซี่สุวรรณภูมิเท่านั้น
+++พ.ต.อ.กิตติภน ชมภูนุช ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุพบศพเด็กทารกแรกเกิด ถูกนำมาทิ้งในถังขยะบริเวณด้านนอกประตู 3 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่เกิดเหตุพบศพทารกแรกเกิด เพศชาย มีอวัยวะครบถ้วน ห่อด้วยถุงพลาสติกสีชมพู ถูกนำมายัดไว้ในถังขยะพลาสติก จากการชันสูตรเบื้องต้น ไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย และคาดเสียชีวิตมาไม่เกิน 3 ชม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ที่ รพ.ตำรวจ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบหญิงต้องสงสัยเป็นชาวเอเชีย ผิวขาว ผมยาว อายุราว 30-35 ปี สวมเสื้อหยืดสีน้ำเงิน เดินลงมาจากรถกระบะวีโก้ สีดำ โดยได้หิ้วกระเป๋าและถุงพลาสติก ซึ่งตรงกับถุงห่อศพเด็กบริเวณจุดเหตุ ก่อนผู้ต้องสงสัยจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ แล้วขึ้นเครื่องของสายการบินเจทสตาร์ ปลายทางประเทศประเทศสิงคโปร์ เจ้าหน้าที่ได้ประสานตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินสิงคโปร์แล้ว เพื่อให้นำตัวผู้ต้องสงสัยกลับมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
+++นายซาฮิด ฮามิดี รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของมาเลเซียกล่าวว่า ทางการมาเลเซียได้แยกนักโทษที่ฝักใฝ่กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ราว 120 คนออกจากนักโทษทั่วไป พร้อมทั้งหาทางปรับทัศนคติใหม่ หลังพบว่ามีนักโทษบางคนเผยแพร่อุดมการณ์กลุ่มไอเอสให้แก่เพื่อนนักโทษ ก่อนหน้านี้ หลายหน่วยงานของมาเลเซีย ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมสายกลางแสดงความเป็นกังวลหลังพบว่า มีพลเมืองหลายคนเคยไปในต่างแดนเพื่อเข้าร่วมกลุ่มไอเอส หรือถูกจับกุมฐานให้การสนับสนุนกลุ่มไอเอสหรือประสงค์จะเดินทางไปยังซีเรีย นายซาฮิด กล่าวว่าพลเมืองชาวมาเลเซีย 67 คนได้เดินทางไปยังซีเรียและอิรัก เสียชีวิต 5 คนจากการสู้รบ
+++รัสเซียและยูเครนตกลงเรื่องการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่ความมั่นคง ระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การหนุนหลังกับกองกำลังรัฐบาลยูเครน รัฐมนตรีต่างประเทศจากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเรื่องนี้ระหว่างการประชุม 3 ชม.ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวานนี้ พร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศจากฝรั่งเศสและเยอรมนี ต่อมา รัฐมนตรีทั้ง 4 ประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้กองกำลังรัฐบาลยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่หยุดยิงที่มีการกำหนดเขตไว้เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ระดับ 1,560.34 จุด เพิ่มขึ้น 22.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,805.50 ล้านบาท ปัจจัยหลักยังมาจากการลุ้นผลประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)วันนี้จะออกมาตรการQE ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินราว 5 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แต่คงต้องรอดูความชัดเจนในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,389.36 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนรอดูว่าที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหญ่หรือไม่ปิดตลาด เพิ่มขึ้น 48.54 จุด ปิดที่ 17,329.02 จุด
+++ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี เพิ่มขึ้น 19.73 จุด ที่ 3,343.34 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัว เพิ่มขึ้น 170.05 จุด ปิดวันนี้ที่ 24,522.63 จุด