สหรัฐฯ จะส่งมอบ ทับหลังปราสาท ในจ.สระแก้ว และ บุรีรัมย์ ให้ไทย
การติดตามทวงคืนโบราณวัตถุ 2 รายการ ได้แก่ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว และทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกลักลอบนำออกจากประเทศไทยและถูกจัดแสดงอยู่ที่ Asian Art Museum นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลได้แต่งตั้ง คณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นรองประธาน และอธิบดีกรมสารนิเทศเป็นกรรมการ
มีการประสานการทำงานร่วมกันของกระทรวงการต่างประเทศ กับกรมศิลปากร และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพิสูจน์ว่า โบราณวัตถุทั้ง 2 รายการ มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและได้ถูกลักลอบนำออกไปโดยผิดกฎหมายขณะนี้ คดีความเสร็จสิ้นแล้ว พิพิธภัณฑ์ได้ดำเนินการถอดถอนรายการทับหลังทั้งสองออกจากบัญชีของพิพิธภัณฑ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 และวันนี้ 2 เม.ย.64 รัฐบาลสหรัฐฯจะยึดทับหลังทั้งสองรายการและส่งกลับให้ไทย โดยจะมีพิธีส่งมอบโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการให้ฝ่ายไทย อย่างเป็นทางการด้วย
ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อม รับมอบโบราณวัตถุจากฝ่ายสหรัฐฯรวมทั้งได้ประสานกับบริษัทขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการขนส่งโบราณวัตถุกลับคืนสู่ประเทศไทย
กระทรวงการต่างประเทศ ขอขอบคุณสำนักงานอัยการสหรัฐฯ สำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ผลักดันติดตามทวงคืนโบราณวัตถุสำคัญทั้ง 2 รายการกลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จ
คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างในการติดตามคืนโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆของไทยในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในสหรัฐฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องน่ายินดีอีกเรื่อง คือ ประเทศไทยจะได้รับโบราณวัตถุ (พระพุทธรูป) คืนจากสหรัฐฯอีก 13 รายการ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ศิลปะสมัยสุโขทัยและอยุธยา และ หลายชิ้นเป็นงานโลหะสำริด รวมถึงรูปเคารพศิลปะศรีวิชัย ทางภาคใต้ของไทย ได้ถูกลักลอบนำออกจากประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่างๆในนครนิวยอร์ก การดำเนินคดีสิ้นสุดแล้วเช่นกัน ขณะนี้ ฝ่ายสหรัฐอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมส่งมอบคืนให้ไทย
กต.ประเมินสถานการณ์เมียนมา ยังไม่ถึงระดับแจ้งเตือนให้คนไทยกลับบ้าน
การให้ความช่วยเหลือคนไทยในเมียนมา นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง รายงานว่าสถานการณ์ในเมียนมายังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยยังมีการชุมนุมประท้วง แต่ยังสามารถจัดหาอาหารได้ ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายของไทยได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการประเมินโดยรวม พบว่าปัจจุบันยังไม่ถึงระดับที่ต้องแจ้งเตือนให้คนไทยออกจากเมียนมา กลับมาที่ประเทศไทย แต่ถ้าสถานการณ์ระดับรุนแรงจนจำเป็นต้องอพยพคนไทย สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ จัดทำแผนการเตรียมพร้อมไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ อำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องเดินทางออกจากเมียนมา ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ได้ประสานเที่ยวบินไว้ 3 เที่ยวบิน คือในวันที่ 6 เม.ย.64 จำนวน 2 เที่ยวบิน และวันที่ 9 เม.ย.64 จำนวน 1 เที่ยวบิน หากผู้ที่ประสงค์จะกลับไทย สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, Yangon,โทรศัพท์ (+951) 222 784 และ (+951) 226 728 ในเวลาราชการ และโทรศัพท์สายด่วน +95 9797002801 นอกเวลาราชการ
ยอดรวมผู้หนีภัยการสู้รบที่ข้ามจากฝั่งเมียนมา ข้อมูล วันที่ 31 มี.ค.64 มี 2,788 คน เดินทางกลับฝั่งเมียนมาแล้ว 2,572 คน ยังเหลืออยู่ 216 คน โดยส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ ได้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว ทั้งหมดผลตรวจเป็นลบ ไม่พบเชื้อ นอกจากนี้ขอย้ำว่าไทยไม่มีนโยบายในการผลักดันผู้อพยพอย่างแน่นอน
รัฐบาลไทย ย้ำกับทูตโคลัมเบีย ช่วยผู้หนีภัยตามหลักสากล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับนางอานา มาเรีย ปริเอโต อาบัด เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโคลัมเบียประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ และระบุถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา โดยยืนยันว่า ไทยและอาเซียน พร้อมสนับสนุนแนวทางสันติ ไทยมีแนวปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือผู้หนีภัยชาวเมียนมา โดยยึดหลักการสากล และหลักมนุษยธรรม
รัฐบาลไทย
ทอ.ติดตามสถานการณ์ จัด C-130 สแตนบายพร้อมรับคนไทย
พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือน ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) เปิดเผยว่า พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. สั่งการให้กองบิน 6 เตรียมความพร้อมเครื่องบินลำเลียงซี-130 ไว้รองรับภารกิจแล้ว หากรัฐบาลสั่งการให้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมียนมา ทั้งนี้ ผบ.ทอ.ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาแล้ว ขณะนี้จึงเป็นเพียงการติดตามสถานการณ์เท่านั้น
รายงานข่าวด้านความมั่นคง ประเมินสถานการณ์ในเมียนมาว่าแม้สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นน่าวิตก เนื่องจาก เหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นบางพื้นที่ ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศและยังไม่ก่อเป็นสงคราม ส่วนใหญ่จะเป็นจุดพื้นที่ที่ชนกลุ่มน้อยอยู่และมีการต่อสู้กับทางทหารเมียนมา
ขณะที่คนไทยในเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ได้อาศัยอยู่บริเวณชายแดน และตอนนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งยังไม่มีคนไทยคนใดประสานขอความช่วยเหลือจากทางการหรือประสานขอกลับประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ สั่งทุกเหล่าทัพเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมาแล้ว แต่ทุกขั้นตอนนั้นจะต้องดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศที่ทำหน้าที่เป็นแม่งานเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น