ถนนสายเอเชีย หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ ทำให้ในช่วงเทศกาลที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ถนนเส้นนี้จะมีปัญหาจราจรติดขัดเสมอ รวมทั้งยังมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง ที่มี 6 ช่องทางจราจร จะเป็นถนนต้นแบบและเส้นทางนำร่องให้สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่ให้วิ่งได้ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเปิดให้เริ่มต้นใช้ความเร็วตั้งแต่วันนี้ (1 เม.ย.64)
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่วันนี้มาทดลองใช้ความเร็วรถยนต์บนเส้นทางจริง ยืนยันว่า ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 45.9 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด คือ มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป , ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ , มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้สั่งให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มอุปกรณ์และเครื่องป้องกันต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้เส้นทางได้อย่างมั่นใจ สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยสูงสุด พร้อมยืนยันว่า การกำหนดอัตราความเร็วรถเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนเส้นนี้ จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนท้ายหรือการเปลี่ยนช่องจราจร เพราะก่อนหน้านี้รถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ให้ความมั่นใจกับผู้ขับขี่ว่า จะสามารถใช้ความเร็วในอัตราที่กำหนดใหม่ได้อย่างปลอดภัย เพราะกรมทางหลวงได้เสริมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยหลายอย่าง เช่น อุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุจากการเสียหลักตกเกาะกลาง , ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร , ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้ เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร และติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว
สำหรับข้อกำหนดการใช้ความเร็วในเส้นทางนี้ กรมทางหลวงแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
1.ช่องซ้ายสุด ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
2.ช่องกลาง ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3.ช่องขวา ขับขี่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยกรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ขับขี่ สังเกตป้ายบอกระยะทาง หากในช่วงทัศนวิสัยไม่ดี อย่างเช่น ฝนตกหนัก ขอให้ปรับความเร็วลงเพื่อความปลอดภัย และผู้ที่ขับขี่ช้า หากไปขับในช่องทางความเร็วสูงก็จะมีความผิดด้วย
และหลังจากนี้ กรมทางหลวงมีแผนจะประกาศใช้สายทางในระยะที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร เช่น
-ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง อ่างทอง – สิงห์บุรี
-ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม - นครสวรรค์
-ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทาง-มอจะบก
-ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง เขาวัง-สระพระ
ในทางหลวงสายหลัก ประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เช่น
-ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน
-ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ
-ทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว-อุบลราชธานี
-ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง -สุพรรณบุรี ทางหลวงหมายเลข 44 กระบี่-ขนอม