"หมอประสิทธิ์" เตือน 4 เสี่ยงโควิด-19 ช่วงสงกรานต์ ห่วงเวลาเกิดอุบัติเหตุ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในช่วงเทศกาลสงกรานต์รอบนี้ คือ
-การเดินทางของคนระหว่างจังหวัดจำนวนมาก เนื่องจากปีที่แล้ว ไม่ได้กลับไปเยี่ยมครอบครัว ปีนี้จึงต้องไป คนที่เดินทางไม่มีใครตรวจว่ามีเชื้อโควิด-19 หรือไม่ จึงอาจจะนำเชื้อไปสู่พ่อแม่ ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงได้
-การขยายพื้นที่ เปลี่ยนสีพื้นที่ เช่น จากเดิมเป็นพื้นที่สีแดง กลายเป็นสีส้ม ซึ่งหมายถึงสามารถดื่มสุราเฮฮาได้บ้าง มีการนั่งฉลองกัน ปีที่แล้วไม่ได้เจอ ปีนี้เจอพร้อมกัน แค่นี้ก็มีโอกาสเสี่ยงแล้ว
-กรณีเกิดอุบัติเหตุ และถูกนำส่งโรงพยาบาลเวลาฉุกเฉิน คงไม่มานั่งถามว่าติดเชื้อหรือไม่ ก็ต้องเร่งรักษาชีวิตไว้ก่อน บุคลากรสาธารณสุขหรือคนรอบข้างที่ช่วยเหลือก็เสี่ยงติดเชื้อ
ดังนั้น สงกรานต์รอบนี้จึงมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ พร้อมฝากเตือน 4 เสี่ยง อย่าให้เจอกันในสงกรานต์รอบนี้ ประกอบด้วย
-บุคคลเสี่ยง
-กิจกรรมเสี่ยง
-พื้นที่เสี่ยง
-ช่วงเวลาเสี่ยง
ซึ่ง 4 เรื่องนี้อาจจะมาพร้อมกันในบางพื้นที่ ซึ่งน่าเป็นห่วง จึงฝากย้ำให้ถามตัวเองว่าให้ระวัง
เหตุกราดยิง 4 ศพ ที่แคลิฟอร์เนีย
สำนักงานตำรวจออเรนจ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ รายงานว่าเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้านี้ ประมาณ 05.30 น.ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุรุนแรงจากอาวุธปืนที่บริเวณชั้น 2 ของอาคารสำนักงานในย่านเวสต์ลินคอล์น พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คนรวมทั้งเด็ก และมีผู้บาดเจ็บ 1 คน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง ทั้ง 2 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว
เฟซบุ๊กเพจของตำรวจออเรนจ์ ระบุว่า ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุว่ามีการยิงปืนหลายนัด และเมื่อไปถึงพบว่ายังมีการยิงปืนอยู่ โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิง แต่สถานการณ์นี้ไม่เป็นการคุกคามต่อสาธารณะ
ตำรวจยังไม่เปิดเผยชื่อและอายุของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุขึ้น โดยระบุว่ากำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน นายเกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ทวีตข้อความว่าเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายในคืนนี้
กองทัพเมียนมา แถลงหยุดยิงเดือนนี้ เพื่อฉลองสงกรานต์
คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ ซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรัฐบาลทหารเมียนมา ออกแถลงการณ์ว่ากองทัพ พร้อมยุติปฏิบัติการทางทหาร ระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย.64 เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการสันติภาพ โดยตลอดช่วงเวลาดังกล่าวขอความร่วมมือจากกองกำลังชาติพันธุ์ทุกกลุ่ม "ร่วมกันรักษาความสงบ" และเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์
ขณะที่ ยังไม่มีกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มใดออกมาให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ต่อการประกาศสงบศึกชั่วคราว ของกองทัพเมียนมา
WHO เรียกร้องชาวยุโรป ช่วยกันลดความเสี่ยงโควิด-19 ช่วงอีสเตอร์
สำนักงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภูมิภาคยุโรป ออกประกาศเตือนประชาชนที่เตรียมเฉลิมฉลองวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ปีนี้ โดยระบุว่า การเดินทางท่องเที่ยวส่วนตัว อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใกล้ชิด แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อชุมชนต่างๆด้วย
แถลงการณ์ของ WHO ยุโรป ระบุว่า หลายประเทศในยุโรปที่เป็นสมาชิกของ WHO มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น จึงยังไม่สามารถที่จะลดการป้องกันและยกเลิกมาตรการด้านสาธารณสุขที่ใช้มาจนถึงขณะนี้ เพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อได้ WHO เตือนประชาชนว่า แม้วันหยุดช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีนี้จะแตกต่างไปจากเดิม แต่ประชาชนก็ยังคงสามารถเฉลิมฉลองวันหยุดได้ หากดำเนินตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ WHO ระบุว่า พิธีกรรมทางศาสนาทุกประเภทควรจัดขึ้นภายนอกอาคารหากสามารถทำได้ และควรจำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรมและระยะเวลาในการประกอบพิธี ประชาชนจะต้องเว้นระยะห่าง, จัดพื้นที่ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก, ทำความสะอาดมือทุกครั้ง และต้องไม่ลืมสวมหน้ากากอนามัยตามความเหมาะสม
การจัดงานภายในอาคารถือว่ามีความเสี่ยงจึงควรจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่ให้มากเกินไป โดย WHO ระบุว่า การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานและระยะเวลาการจัดงานภายในอาคาร รวมถึงการจัดสถานที่ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้
สำหรับประชาชนที่วางแผนเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ จะต้องพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างรอบคอบ และถามตัวเองว่า การเดินทางนั้นเป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่
เปิดงบฯ กระตุ้นศก.ของ ‘ไบเดน’ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-เทคโนโลยี
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระบุว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลค่า 2,300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 71.3 ล้านล้านบาท งบประมาณที่จะนำไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการปรับปรุงถนนให้ทันสมัย การเปลี่ยนรถไฟและรถบัส ไปจนถึงการซ่อมแซมสะพานที่ชำรุด ขณะที่ งบประมาณอีกหลายพันล้านจะนำไปใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาล การปรับปรุงบ้าน ให้สามารถอยู่อาศัยได้ดีขึ้น รวมถึงการขยายระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง และการให้เงินจูงใจสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ
งบประมาณส่วนหนึ่งที่จะนำมาใช้สมทบกับงบกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว คือ การเพิ่มภาษีสำหรับภาคธุรกิจ ซึ่งได้รับการคัดค้านอย่างหนักจากฝ่ายค้าน รวมถึงภาคธุรกิจบางส่วน ที่แม้จะเห็นด้วยกับการใช้งบประมาณเพื่อการลงทุนแต่ก็คัดค้านการเพิ่มภาษี เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ร่างการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าว ต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรสก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้