อนุทิน ลงพื้นที่ แม่สะเรียง ดูผู้อพยพจากเมียนมา พรุ่งนี้ ย้ำฉีดวัคซีนโควิด-19ให้คนไทยก่อน

         ความขัดแย้งในเมียนมา ในวันพรุ่งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะลงพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อดูแลด้านมนุษยธรรมกับผู้ที่อพยพมาอยู่บริเวณชายแดน พร้อมประเมินว่า หากการสู้รบรุนแรง จะมีผู้อพยพเข้ามาจำนวนมากหรือไม่ ซึ่งไทยต้องดูความพร้อมของเราด้วย แต่ประเด็นหลักไม่ได้ไปดูแค่ผู้บาดเจ็บเท่านั้น แต่ต้องไปติดตามเพื่อควบคุมโรค ไม่ให้นำเข้ามา  โดยยึดตามหลักมนุษยธรรม ไม่ใช่ผลักดันเขากลับให้ไปรับอันตราย แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ให้เข้ามาลึกในเขตแดนของไทย เราจะดูแลตามความฉุกเฉิน ส่วนกรณีมีผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงมา 7 คน ที่ขณะนี้ได้นำมารักษาตัวแล้ว หากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากจะเตรียมโรงพยาบาลสนาม ที่ขณะนี้เราสามารถจัดตั้งได้เร็ว และจำนวนเตียงสามารถรองรับได้แน่นอน

          รวมทั้งจะนำวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค ไปฉีดให้บุคลากรด่านหน้าตลอดแนวชายแดน ทั้งที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะฉีดให้ได้มากที่สุด และขอย้ำว่า เป็นการฉีดให้เจ้าหน้าที่ของเรา ทั้งทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร แพทย์ พยาบาล ประมาณ 2,000 คน ไม่ได้ไปฉีดให้ผู้อพยพ เพราะถึงอย่างไรคนไทยต้องได้รับวัคซีนก่อน

          ส่วนการผ่อนคลายการลดวันกักตัว ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นายอนุทิน หวังว่า จะมีคนไปท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะที่ จ.ภูเก็ต ที่เราผ่อนคลายมาตรการลดวันกักตัว เพราะวัคซีนลอตสองจากซิโนแวคจำนวน 800,000 โดส ก็ลงไปที่ จ.ภูเก็ต ถึง 100,000 โดส และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อีก 50,000 โดส เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่และผู้อยู่ในธุรกิจให้บริการนักท่องเที่ยว

         ด้านการประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจนั้น เรื่องธุรกิจท่องเที่ยวฝ่ายเศรษฐกิจนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ได้มีการประเมินไว้หมด โดยจะเน้นในส่วนคนไทยที่ได้รับวัคซีนแล้วและที่อาจเดินทางไปต่างประเทศแล้วเดินทางกลับ ไม่ต้องกักตัวถึง 14 วัน ส่วนของต่างชาติในเรื่องแพลตฟอร์มยังไม่ชัดเจน เช่น จะยอมรับว่า วัคซีนยี่ห้อไหน หรือพิสูจน์ว่า ได้ฉีดจริงแล้วจริงหรือไม่ เพราะในส่วนของคนไทยมีชัดเจนอยู่แล้ว แค่ยิงคิวอาร์โค้ด จะปรากฏข้อมูล