เด็กๆ โรงเรียนบ้านค้อปัญญาณุสรณ์ อุดรฯ ภาคภูมิใจ ในสิ่งที่ตัวเองทำ
ดังไปทั่วประเทศ โรงเรียนบ้านค้อปัญญาณุสรณ์ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โรงเรียนของคุณครูราชวัตร ป้องนางไชย อายุ 30 ปี หรือ “ครูบอม” ครูประจำชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 4 โรงเรียนแห่งนี้สอบเสร็จแล้วกำลังจะปิดเทอมกันแล้ว ครูได้พาเด็กๆ ร่วมทำกิจกรรมก่อนปิดภาคเรียน และต่างพากันดีใจที่ได้ออกข่าว เด็กแต่ละคนก็ลงมือทำสิ่งที่ตนเองถนัด เช่น เขียนหนังสือสวย ร้องเพลงเก่ง เป็นดีเจเก่ง หรือแม้กระทั่งน้องปลาคราฟที่ขุดปูนาเก่งก็พาลงทุ่งนาขุดปูนา
ครูบอม เล่าว่า ในฐานะครูประจำชั้น ป.2 ได้สังเกตและเก็บข้อมูลนักเรียนมาตั้งแต่เทอมที่ 1 โดยดูว่านักเรียนคนนี้เด่นอะไร นักเรียนแต่ละคนเขามีความสามารถหลายอย่าง แต่ว่าเราเลือกเอาที่เขาเด่นที่สุดมาเป็นเกณฑ์ที่จะให้ประกาศเกียรติบัตร นอกจากนี้ครูก็ต้องถามเพื่อนในห้องและให้เพื่อนการันตีอีกว่ามีความดีความสามารถแบบนี้จริง เกียรติบัตรที่ทางโรงเรียนออกให้ มีทั้งรู้จักพูดขอโทษเมื่อทำผิด, แบ่งปันยางลบ ดินสอ มันนึ่ง ให้เพื่อนและครู, เต้นเก่ง, ทำหน้าที่ดีเจได้ยอดเยี่ยม และเด็กที่ขุดปูนาเก่ง
เด็กที่ขุดปูนาเก่ง คือ ด.ช.ธนกฤต เนาวเพชร หรือน้องปลาคราฟ ครูสังเกตพฤติกรรมมานานมากเพราะเขาเป็นคนขี้อาย ไม่รู้จะให้เกียรติบัตรด้านไหน จึงถามเพื่อนนักเรียนเพื่อนจึงบอกว่าเขาชอบขุดปูนา จึงเอาความสามารถนี่แหละเป็นสิ่งที่เด็กชายปลาคราฟ ทำได้ดีที่สุด ก็เลยเป็นที่มาของใบประกาศเกียรติบัตรขุดปูนาเก่ง
ด้าน นายไชยเลิศ ผดุงเวียง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ เปิดเผยว่า มติที่ประชุมในโรงเรียนกลางเดือนก.พ.64 มีความเห็นตรงกันว่าเด็กของเราบางคนในโรงเรียนไม่ได้อะไรเลย จึงให้ครูทุกระดับชั้นไปสังเกตว่านักเรียนในชั้นตัวเองมีความดีมีคุณธรรมอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้มอบเกียรติบัตรให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เกียรติบัตรที่มอบให้จะให้กับนักเรียนทุกระดับชั้นปี โรงเรียนได้ทำการมอบให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อน ส่วนชั้นอื่นจะมอบในช่วงโอกาสต่อไป
เกียรติบัตรที่มอบให้นี้แตกต่างออกไป มีทั้ง ขุดปูนาเก่ง ดีเจน้อย แบ่งปันสิ่งของให้เพื่อน ตนเห็นตอนแรกก่อนเซ็นลงใบประกาศก็อดอมยิ้มไม่ได้ ปีหน้าก็จะทำให้เด็กๆอีก เด็กๆมีความภูมิใจ ตื่นเต้น โรงเรียนไหนจะทำด้วยก็ได้ ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
ผู้ว่าฯนครราชสีมา ศึกษาข้อกม.ยกเลิกการจุดพลุ จุดตะไล
จากกรณีเหตุการณ์ที่พลุตะไลที่ใช้จุดในงานเผาศพพุ่งตกลงมาใส่ศีรษะ ด.ญ.ณัฐชา สวัสดี อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนอาจวิทยาคาร ตำบลตะคุ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่น้องพร้อมเพื่อนรวม 3 คน เลิกเรียนและกำลังเดินออกโรงเรียนจะกลับบ้าน ทำให้น้องได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพราะอาการโคม่า ไม่รู้สึกตัว ขณะที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย ได้แจ้งดำเนินคดีกับชาย 2 คนที่เป็นผู้จุดพลุตะไลในงานศพแล้วในข้อหา กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
ขณะที่ นพ.บวร เกียรติมงคล ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ดูแลด้านอุบัติเหตุฉุกเฉิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ น้องสมองได้รับความกระทบกระเทือนมาก และก้านสมองไม่ทำงาน อาการค่อนข้างหนักอยู่ในขั้นโคม่า อาการขณะนี้อยู่ได้ด้วยยาและเครื่องช่วยหายใจ แนวโน้มค่อนข้างหนัก อาการยังไม่คงที่ และไม่ทรงตัว แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด เรียกว่านาทีต่อนาที คณะแพทย์เรารักษาเต็มที่มาตั้งแต่วันแรกแล้ว ทั้งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และผ่าตัด เพราะอาการบาดเจ็บถือว่ารุนแรงมาก อยากฝากว่าพลุตะไลถือเป็นวัตถุอันตรายอยู่แล้ว ดังนั้นต้องควบคุมให้ดี
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจุดพลุ จุดตะไล จะต้องขออนุญาตจากทางส่วนราชการ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะประเพณีงานศพ เป็นวิถีของชาวบ้าน จึงมีการจุดพลุ ตะไล ตามความเชื่อ ส่วนตัวไม่อยากให้มีการจุดพลุ จุดตะไล ในงานพิธีต่างๆ เนื่องจากปัจจุบัน ความเจริญของบ้านเมืองมีมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและประชาชน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพง ทั้งนี้ การจุดพลุ จุดตะไล ไม่มีประโยชน์ อันตราย สิ้นเปลือง อยากให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบในการปฏิบัติตามความเชื่อจะดีกว่า ที่ผ่านมาได้กำชับมาโดยตลอดเรื่องการจุดพลุ จุดตะไล ให้ทุกอำเภอสอดส่องดูแล แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้จะต้องกำชับเข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งจะไปศึกษา ดูข้อกฎหมาย ถ้าห้ามหรือยกเลิกการจุดพลุ จุดตะไล ได้ก็จะห้ามทันที เนื่องจากอันตรายมาก ทั้งไฟไหม้บ้านเรือน ทุ่งนา รวมทั้งอันตรายต่อชีวิตประชาชนด้วย
CR:สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นครราชสีมา
คมนาคม เปิดโครงการ Kick off ความเร็ว 120 กม./ชม. ถนนสายเอเชีย ทล.32
ดีเดย์วันนี้ 1 เม.ย. 64 ประเดิมกฎหมายใหม่ ให้รถวิ่งเร็วสุด 120 กม./ชม. ถนนสายเอเชีย ทล. 32 ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง ระยะทาง 50 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เปิดงาน ‘Kick off ความเร็ว 120’ โดยจะมีการติดป้ายแจ้งเตือนความเร็วให้ประชาชนทราบว่าจุดนี้ใช้ความเร็วได้เท่าใด โดยเฉพาะถนนที่สามารถใช้ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. และจะมีการประเมินผลว่า กฎหมายฉบับนี้ช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร
สำหรับความเร็วที่กำหนดใหม่ มีดังนี้
-รถยนต์ ไม่เกิน 120 กม./ชม. (เลนขวา ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม.)
-รถบรรทุก รถโดยสารเกิน 15 คน ไม่เกิน 90 กม./ชม.
-รถโดยสาร 7-15 คน ไม่เกิน 100 กม./ชม.
-รถชักจูง รถยนต์สี่ล้อเล็ก รถยนต์สามล้อ ไม่เกิน 65 กม./ชม.
-รถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 80 กม./ชม.
-รถจักรยานยนต์ 400cc ขึ้นไป ไม่เกิน 110 กม./ชม.
-รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ไม่เกิน 80 กม./ชม.
ขอปชช.เหลื่อมเวลาเดินทางไป-กลับ ช่วงสงกรานต์
ส่วนการเตรียมความพร้อมการเดินทางช่วงสงกรานต์ นายศักดิ์สยาม มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยรองรับการเดินทางระหว่างวันที่ 10-16 เม.ย.64 รวม 7 วัน ภายใต้สโลแกน "เดินทางสะดวก ปลอดภัย ห่างไกลโควิด" เน้นให้ใส่ใจตนเอง ใส่ใจผู้อื่น และใส่ใจประชาชน
นอกจากนี้ ขอความร่วมมือให้กลุ่มเดินทางใกล้ กลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวภายในรัศมี 20-300 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 11-12 เม.ย. 64 และเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 15-16 เม.ย. 64 โดยการเหลื่อมเวลาใช้ทาง จะช่วยกระจายปริมาณจราจรบนถนน และบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมจะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีบางช่วงระยะทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว ระยะทาง 36 กิโลเมตร ด้วย เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ
1 เม.ย. จ. แม่ฮ่องสอน เปิดจุดผ่อนปรน ขนส่งได้เฉพาะสินค้า
นายสิทธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ลงนามในคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ 604/2564 เรื่องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนแม่ฮ่องสอน โดยระบุว่า ตามคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ 255.4/2563 ลงวันที่ 30 ต.ค. 63 ระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่อนปรนการค้าและช่องทางอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.63 เป็นต้นมา เพื่อบรรเทาผลกระทบ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนฯ
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 64 และคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 5/2564 เมื่อ 25 มี.ค.64 จึงพิจารณาเปิดการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้าต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64 เป็นต้นไป
-จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางห้วยต้นนุ่น หมู่ที่ 4 ต.แม่เงา อ.ขุนยวม
-จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านเสาหิน หมู่ที่ 1 ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง
-จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย
-จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านห้วยผึ้ง หมู่ที่ 3 ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
-จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน หมู่ที่ 3 ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน
การเปิดจุดผ่อนปรน อนุญาตให้เฉพาะการนำเข้า-ส่งออกสินค้า โดยให้ขนถ่ายสินค้าบริเวณจุดผ่อนปรนที่กำหนดเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้มีการข้ามแดนของบุคคลและยานพาหนะและให้ปฏิบัติตามมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด