ปรับปรุงตลาดสด ลดความเสี่ยงแพร่โควิด-19 แล้วเกือบทุกแห่ง
พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่มอบหมายให้ 50 สำนักงานเขต สำรวจตลาดที่มีหลังคาในพื้นที่ว่าเป็นตลาดที่มีระบบระบายอากาศดีหรือไม่ เพื่อปรับปรุงแก้ไข พร้อมขอความร่วมมือเจ้าของหรือผู้ประกอบการตลาดให้จัดทำผังผู้ค้า และจัดทำข้อมูลผู้ค้า และลูกจ้างแผงค้า โดยผลการสำรวจตลาด
-กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ มีตลาดที่มีหลังคา 43 แห่ง ทุกแห่งมีระบบระบายอากาศดี ตลาดที่จัดทำผังผู้ค้าข้อมูลผู้ค้าลูกจ้างแผงค้าแล้ว 28 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำผังและข้อมูลผู้ค้า 15 แห่ง
-กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง มีตลาดที่มีหลังคา 29 แห่ง ทุกแห่งมีระบบระบายอากาศดีและจัดทำผังผู้ค้าแล้วทุกแห่ง
-กลุ่มกรุงเทพใต้ มีตลาดที่มีหลังคา 60 แห่ง ทุกแห่งมีระบบระบายอากาศดีและจัดทำผังผู้ค้าแล้วทุกแห่ง
-กลุ่มกรุงเทพตะวันออก มีตลาดที่มีหลังคา 127 แห่ง ทุกแห่งมีระบบระบายอากาศดี ตลาดที่อยู่ระหว่างจัดทำผังผู้ค้า 47 แห่ง
-กลุ่มกรุงธนเหนือ มีตลาดที่มีหลังคา 69 แห่ง ทุกแห่งมีระบบระบายอากาศดีและจัดทำผังผู้ค้าแล้วทุกแห่ง
-กลุ่มกรุงธนใต้ มีตลาดที่มีหลังคา 80 แห่ง มีระบบระบายอากาศดี 73 แห่ง อยู่ระหว่างปรับปรุง 7 แห่ง อยู่ระหว่างจัดทำผังผู้ค้า 16 แห่ง
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ในส่วนของตลาดของสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานคร ทั้ง 12 แห่ง ได้สำรวจและปรับปรุงระบบระบายอากาศ สุขาภิบาลตลาด รวมทั้งจัดทำผังผู้ค้าและลูกจ้างแผงค้า
แฟ้มภาพ กรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่ปี 2566 ผู้สูงวัยในไทย เพิ่มปีละล้านคน รัฐบาล ต้องดูแลสวัสดิการรอบด้าน
แนวทางการดูแลผู้สูงอายุ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบรายงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อปี 2562 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 11,600,000 คน หรือร้อยละ 17.5 ของประชากรทั้งประเทศ และตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จะมีคนไทยอายุถึง 60 ปี ปีละล้านคน และในปี 2576 จะมีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ
ขณะที่การเกิดเมื่อปี 2562 มีจำนวนลดต่ำลงเหลือเพียง 610,000 คน
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ (Social Welfare for Elderly)
1.ด้านการศึกษา เช่น จัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 1,555 แห่ง โดยกำหนดเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ในมิติสุขภาพ มิติสังคม มิติเศรษฐกิจ และมิติสภาพแวดล้อม
2.ด้านสุขภาพอนามัย เช่น สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กองทุนหลักประกันสุขภาพหรือบัตรทอง ซึ่งมีผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแล จำนวน 219,518 คน
3.ด้านที่อยู่อาศัย ดำเนินการปรับปรุงซ่อมบ้านให้แก่ผู้สูงอายุ จำนวน 3,200 หลัง และปรับปรุงสถานที่สาธารณะให้เอื้อต่อผู้สูงอายุและคนทุกวัย จำนวน 20 แห่ง
4.ด้านการทำงานและการมีรายได้ เช่น
1)รัฐบาลออกมาตรการจูงใจเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างแรงงานผู้สูงอายุเข้าทำงานมากขึ้น
2)ตั้งศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) 1,489 แห่ง
3)สนับสนุนเงินทุนกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพผู้สูงอายุผ่านกองทุนผู้สูงอายุ จำนวน 8,991 คน
4)เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุกว่า 9,000,000 คน
4)สวัสดิการบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนการออมแห่งชาติ
กระทรวง พม. มีข้อเสนอแนะหลายเรื่อง เช่น การทบทวนและคำนึงถึงความยั่งยืนและภาระด้านงบประมาณอย่างจริงจังต่อการจัดสวัสดิการฯ ผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ควรคำนึงถึงการนำเงินที่ได้รับไปต่อยอดให้เกิดรายได้เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพและการดำรงชีวิตในระยะยาว เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วมและสนับสนุนการจัดสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุอย่างเป็นรูปธรรม
สถานการณ์ผู้สูงอายุของโลกก็เป็นเช่นเดียวกับประเทศไทย ในปี 2562 มีผู้สูงอายุครบ 1,000 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 13 ของประชากรทั้งโลก ประชากรโลกกำลังเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่ช้าลง แต่ประชากรผู้สูงอายุ 100 ปีขึ้นไป กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
-ทวีปเอเชีย มีผู้สูงอายุมากที่สุดจำนวน 586 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 13 ของประชากรทั้งทวีป
-รองลงมาคือ ทวีปยุโรป มีผู้สูงอายุจำนวน 189 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 19 ของผู้สูงอายุทั้งโลก
-อาเซียน มีประชากรสูงอายุจำนวน 70 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11 ของประชากรอาเซียน
-ประเทศที่มีอัตราผู้สูงอายุสูงสุดในโลก คือ ญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 34 ของประชากรทั้งหมด 127 ล้านคน
ครม.เห็นชอบจ่ายค่าตอบแทน อสม.เดือน เม.ย.-มิ.ย.64 พร้อมสั่งให้ฉีดวัคซีนครบทุกคน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในชุมชน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย.– มิ.ย.64) กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 1,575.4590 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนบทบาทของอสม.ในการสื่อสาร ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงสำรวจและติดตามอาการประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับวัคซีนในชุมชน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ อสม. 1,039,729 คน และ อสส. 10,577 คน รวมทั้งสิ้น 1,050,306 คน ที่มีสิทธิรับค่าป่วยการในการปฏิบัติหน้าที่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.กำชับให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนโควิด -19 ให้ครอบคลุม อสม.และอสส.ทุกคน เพื่อลดความเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
นายกฯ สั่งให้ช่วยคนขับรถส่งอาหารถูกเอาเปรียบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง ความเดือดร้อนของคนขับรถส่งอาหาร หรือ ไรเดอร์ ที่ถูกเอาเปรียบจากเจ้าของแพลตฟอร์มต่างชาติว่าได้ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูในรายละเอียดที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ให้ดูทั้งแฟลตฟอร์มไทยและต่างชาติ เช่น เมื่อคนส่งอาหารไปส่งแล้ว คนไม่รับ จึงต้องรับผิดชอบค่าอาหาร จะเป็นแบบนี้ไม่ได้
รมว.คมนาคม สั่งกรมการขนส่งทางบก จัดระเบียบ จยย.เดลิเวอรี่ส่งอาหาร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปดำเนินการจัดระเบียบ รถขนส่งอาหารเดลิเวอรี่ ที่วิ่งให้บริการส่งอาหารโดยการใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะบนท้องถนน เนื่องจากปัจจุบันพบว่ารถจักรยานยนต์ ที่ผู้ให้บริการขนส่งอาหารนั้นมีการขับขี่ใช้ความเร็ว รวมทั้งมีการติดตั้งกล่องพัสดุหลังรถที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ อาจทำให้เกิดอันตราย ไปเฉี่ยวชนกับรถผู้ใช้ถนนคันอื่นๆได้ ดังนั้นจึงให้กรมการขนส่งทางบก กำหนดหลักเกณฑ์ ระเบียบข้อบังคับ ของการใช้รถรวมถึงระเบียบข้อบังคับว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร เพื่อนำมาปฎิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากกรมการขนส่งทางบก มีหน้าที่ในการออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของรถทุกประเภท
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในวันศุกร์ที่ 2 เมษายนนี้ ที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อนำปัญหาดังกล่าวมาพิจารณาในทุกมิติโดยเฉพาะในเรื่องของข้อกฎหมายทั้งในส่วนของ พ.ร.บ.จราจรฯ และกฎหมายอื่นๆ เพื่อให้ทราบอำนาจตามกฏหมาย ที่จะเข้าไปจัดระเบียบของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยจะพิจารณาลงรายละเอียดว่า การควบคุมจำเป็นต้องมีการออกกฎหมาย ในลักษณะประกาศกฎกระทรวงฯ ได้ในประเด็นใดบ้าง รวมถึงลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสม การติดตั้งอุปกรณ์ของรถเหล่านี้ ที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน หลังจากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากการประชุมเวิร์กชอปแล้ว กรมการขนส่งทางบก จะเร่งดำเนินการไปสู่แนวทางปฏิบัติให้เร็วที่สุด
รวบมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นผู้จัดการโรงแรม ASQ หลอกชาวต่างชาติ
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุม น.ส.แอมมี่ สงวนนามสกุล มิจฉาชีพอ้างเป็นผู้จัดการโรงแรมกักตัวทางเลือก หรือ Alternative State Quarantine หลอกให้ผู้เสียหายชาวแอฟริกาใต้ โอนเงินค่าสถานที่กักตัว สูญเงินไปกว่า 35,000 บาท
คดีนี้ตำรวจได้รับแจ้งจากแม่ของผู้เสียหายชาวแอฟริกาใต้ ที่จะเดินทางเข้ามาในไทยและได้ติดต่อจองโรงแรมย่านสุขุมวิท เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวผ่านทางเว็บไซต์ asq.wanderthai.com ต่อมามีคนร้ายอีเมล์มาแจ้งอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการโรงแรม และขอเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเงิน 35,000 บาท เข้าบัญชีที่คนร้ายแจ้งมา จนมาทราบภายหลังว่าเป็นการแอบอ้าง ไม่ใช่การดำเนินการของโรงแรม แต่ก่อนหน้านี้อีเมล์ของโรงแรมถูกแฮกผ่านทาง Email spam จึงอาจเป็นเหตุให้คนร้ายทราบข้อมูลการจองของผู้เสียหายได้ โดยเบื้องต้นมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ 5-6 ราย
ตำรวจจึงสืบสวนเส้นทางการเงินจนทราบตัวผู้ที่ถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าว คือน.ส.แอมมี่ ได้หลบหนีไปกบดานที่อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ตำรวจจึงตามไปจับกุม พร้อมตรวจค้นห้องพัก พบบัตรเอทีเอ็มที่ใช้กดเงินในคดีนี้ และบัตรเอทีเอ็มอื่นๆ รวม 3 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, ซิมการ์ด 5 ใบ, สมุดบัญชีธนาคารของผู้อื่น 1 เล่ม
จากการสอบสวน น.ส.แอมมี่ รับสารภาพว่าได้รับบัตรเอทีเอ็ม ซิมการ์ดและสมุดบัญชีธนาคารมาจากผู้ร่วมขบวนการผิวดำ เพื่อใช้ในการติดต่อและถอนเงินตามคำสั่ง แลกกับค่าจ้างวันละ 1,000 บาท และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าน.ส.แอมมี่ มีหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เบื้องต้นจึงนำตัวน.ส.แอมมี่ ส่งดำเนินคดีที่ สภ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป