องค์กรทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ เปิดเผยว่า อินเดียได้รับมอบวัคซีนมากที่สุดคือ 10 ล้านโดสหรือกว่าหนึ่งใน 3 จากปริมาณวัคซีน 28 ล้านโดสของบริษัทแอสตราเซเนกาที่ผลิตจากโรงงานของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ภายใต้โครงการกระจายวัคซีนให้กับกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อย จนถึงปานกลางขององค์การอนามัยโลก(WHO) ขณะที่ประเทศยากจนส่วนใหญ่ ที่ฝากความหวังไว้กับโครงการนี้ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับในปริมาณน้อยมาก รองลงมาคือ ไนจีเรีย ซึ่งได้รับวัคซีน 4 ล้านโดส
ประเด็นนี้อาจจะก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่ออินเดียและโครงการ COVAX ว่า เป็นโครงการที่เอื้อประโยชน์โดยตรงให้กับอินเดียมากกว่าประเทศอื่นๆ ก่อนหน้านี้ อินเดียตัดสินใจในเดือนนี้ว่าอินเดียจะขอเลื่อนการส่งออกวัคซีนในโครงการ COVAX ให้กับประเทศที่มีฐานะยากจนทั่วโลกที่เข้าร่วมโครงการนี้
ที่ผ่านมา สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียซึ่งได้รับอนุญาตจากบริษัทแอสตราเซเนกา ใหัผลิตวัคซีน หลายร้อยล้านโดสในโครงการ COVAX ขั้นแรก WHO จะกระจายวัคซีนล็อตต่อไป 50 ล้านโดส ให้กับกลุ่มประเทศที่มีฐานะยากจนในเดือนนี้ แต่การส่งมอบวัคซีนนั้นอาจจะล่าช้าหลังอินเดียประกาศมาตรการจำกัดการส่งออกวัคซีน
โครงการ COVAX เป็นโครงการที่มีพันธมิตรจากหลายองค์กรการกุศล และบริษัทเอกชนหลายแห่ง ตั้งเป้าจะผลิตและส่งมอบวัคซีนราว 2,000 ล้านโดส ให้กับกลุ่มประเทศที่เข้าร่วมโครงการนี้ โดยมียูนิเซฟช่วยกระจายวัคซีน แต่การกระจายวัคซีนในโครงการนี้เริ่มต้นค่อนข้างล่าช้าคือเริ่มเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จากโครงการ COVAX กล่าวหากลุ่มประเทศที่ร่ำรวยว่าจองซื้อวัคซีนกักตุนไว้จำนวนมาก ขณะที่บริษัทวัคซีนทำการผลิตและส่งมอบวัคซีนตามลำดับการสั่งซื้อ
Cr: Reuters, ZAWYA