การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เริ่มต้นขึ้นแล้ว มีวาระสำคัญคือการแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจาในโครงการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้กล่าวหา ชี้มูลให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกฯ ผู้ถูกกล่าวหา ในโครงการรับจำนำข้าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ระงับยับยั้งทำให้โครงการเสียหายและมีการทุจริตเกิดขึ้น นายวิชา ในฐาะนะตัวแทนป.ป.ช. ชี้แจงว่า สนช. มีอำนาจอย่างเต็มที่ในการพิจารณาคดีนี้ และยืนยันว่า คณะกรรมการป.ป.ช. ให้ความเป็นธรรมตามหลักกฎหมายทุกประการ นายวิชา ระบุว่า โครงการนี้พรรคเพื่อไทยดำเนินการโดยใช้หลักประชานิยมนำการตลาด จนชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่การดำเนินนโยบายนี้มีวาระซ่อนเร้น เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย หลังจำนำราคาข้าวเปลือกทุกเมล็ดในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดถึง1เท่าตัว ทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้ารายใหญ่ จากพยานหลักฐานที่ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า โครงการนี้ทำเป็นกระบวนการมีคนที่ได้ประโยชน์อยู่เบื้องหลังและยากที่จะตรวจสอบพบ กล่าวคือ เป็นการระบายข้าวให้กับเอกชนไทยในประเทศเพื่อนำไปขายทำกำไร คณะกรรมการปิดบัญชี ป.ป.ช. และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทำหนังสือและท้วงติงว่าขอให้ยกเลิกโครงการ แต่รัฐบาลสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ย้ำว่าเป็นนโยบายและสัญญาประชาคมไม่สามารถยกเลิกได้และเป็นประโยชน์กับชาวนา มีผลขาดทุนมหาศาล ทำให้รัฐบาลปัจจุบันต้องออกพันธบัตรมาชดใช้หนึ้ให้กับรัฐบาลของผู้ถูกกล่าวหา ส่วนประเด็นที่ผู้ที่ถูกกล่าวหา ระบุถึง การทำงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไม่ถูกต้อง นายวิชา ยืนยันว่า บุคคลในคณะอนุกรรมการฯ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน คณะกรรมการป.ป.ช. จึงมีความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิด เนื่องจาก ไม่ใช้อำนาจของนายกฯ ยับยั้งโครงการดังกล่าว กระบวนการในการถอดถอนเป็นการปักธงว่า คนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ต้องมีคุณธรรม จริยธรรมสูงสุดกว่าบุคลอื่นเพื่อที่จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้ผู้อื่นประพฤติปฎิบัติตาม