ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2564

29 มีนาคม 2564, 18:55น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2564



รองนายกฯ-รมว.สธ.หารือ กองทัพภาคที่ 3 รับมือเมียนมา อพยพเข้าไทยตามแนวชายแดน



          การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ประชาชนเมียนมาอพยพเข้ามาตามแนวชายแดน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายสาธารณสุขได้มีการหารือและเตรียมความพร้อมเรื่องนี้แล้ว  โดยได้หารือร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าจะพยายามตรึงสถานการณ์ไว้ให้มากที่สุด โดยจะมีที่พักพิงให้กับชาวเมียนมาที่อพยพเข้ามาตามหลักมนุษยธรรม แต่จะไม่อนุญาตให้เข้ามาในประเทศไทย



          ด้านนายโยธิน จงบุรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายนาวี ศิลป์สุภากุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ (อช.) สาละวินว่า มีผู้อพยพลี้ภัยจากการสู้รบเข้ามายังฝั่งไทย พื้นที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน บริเวณห้วยโกปะ 1,871 คน แบ่งเป็น ชาย 912 คน หญิง 959 คน จนถึงขณะนี้ ยังมีการอพยพเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง



เตรียมฉีดวัคซีน-19ให้นักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ได้กลับไปเรียนต่อ



         น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถกลับไปเรียนต่อได้ เช่น นักศึกษาไทยในประเทศจีน ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 คน จึงได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลในเรื่องการจัดการฉีดวัคซีนแก่นักศึกษาทุกคนกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าได้จัดเตรียมวัคซีนและสถานที่ๆ สถาบันบำราศนราดูร เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนไว้แล้ว เหลือเพียงการรวบรวมและจัดระบบข้อมูล และกระบวนการอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ ขอให้นักศึกษาสบายใจ และรัฐบาลจะแจ้งให้ทราบถึงวันที่ให้เริ่มไปรับการฉีดวัคซีน ที่จะมีให้เร็วๆนี้



สธ.ย้ำ ไทยยังไม่ใช่โควิด-19 ระบาดระลอกสาม



          สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดระลอกสองมีความต่อเนื่องจากปลายเดือน ธ.ค.63 เรื่อยมา ไม่ได้มีสาเหตุต้นทางแยกเด็ดขาดกันเหมือนที่เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรก ดังนั้นจึงยังไม่ถือเป็นการระบาดระลอกสาม



          สำหรับประเด็นเสี่ยงของตลาดบางแคที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีแผงค้าจำนวนมาก ไม่มีการจัดหมวดหมู่ ทำให้เกิดปัญหาลูกจ้างรับส่งสินค้าหลายแผง การให้พ่อค้า/แม่ค้าเมียนมาเช่าแผงค้าต่อ การไม่ควบคุมเรื่องสุขอนามัย ปล่อยให้มีการบ้วนน้ำหมากลงพื้น ส่วนแผงค้าที่คนไทยเป็นเจ้าของขายเอง จะมีการดูแลเรื่องความสะอาดได้ดีและไม่พบการแพร่เชื้อ



         ส่วนผลกระทบหลังจากอินเดียชะลอการส่งออกวัคซีนโควิด โดยให้ความสำคัญกับการใช้ในประเทศมากขึ้น นพ.เฉวตสรร  ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ เนื่องจากได้บริหารจัดการความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนโควิดไว้แล้ว โดยแนวทางของอินเดียจะกระทบโครงการโคแวกซ์ที่ไทยไม่ได้เข้าร่วม เพราะหากเราอยู่โครงการนี้เต็มตัวเพียงอย่างเดียว ก็จะได้รับผลกระทบ แต่ไทยเองมีมาตรการดูแลความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน



ผู้เชี่ยวชาญของ WHO  สงสัยการค้าสัตว์ป่าในจีน  อาจเป็นต้นทางเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดที่อู่ฮั่น



          นายปีเตอร์ ดาสซัก หนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก(WHO)ที่ไปเยือนประเทศจีนในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อศึกษาต้นตอของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น และหนึ่งในผู้เขียนบทความในรายงานเรื่องนี้ ซึ่งจะเผยแพร่ต่อสาธารณชนในวันพรุ่งนี้ เปิดเผยว่า การค้าสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของประเทศจีนอาจจะเป็นช่องทางที่เป็นไปได้มากที่สุดในการทำให้เชื้อโรคโควิด-19 ระบาดจากสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค โดยเฉพาะค้างคาวมาสู่คนเมื่อปลายปี 2562 ตั้งข้อสังเกตว่า ในเมืองอู่ฮั่นมีการค้าขายทั้งสัตว์ป่า,ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า,ซากทั้งตัวของสัตว์ที่ตายแล้ว และสัตว์ที่มีชีวิตต่างๆจากฟาร์มทั่วประเทศจีน ทีมวิจัยจึงเห็นว่าเป็นข้อสันนิษฐานที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด



          สอดคล้องกับกระทรวงการต่างประเทศจีนที่จัดให้มีการบรรยายสรุปเรื่องผลการศึกษาเรื่องนี้ในสัปดาห์ที่แล้วให้คณะทูตต่างชาติในประเทศจีนทราบก่อนการเผยแพร่รายงานโดย WHO ในวันพรุ่งนี้ โดยนายเผิง จื่อเจี้ยน รองผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน หนึ่งในทีมวิจัยของจีนซึ่งศึกษาเรื่องต้นตอของโรคโควิด-19 ร่วมกับทีมวิจัยของ WHO ระบุว่าคณะผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองฝ่ายตรวจสอบ 4 ต้นตอหรือสาเหตุหลักๆที่คาดว่าจะทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดในเมืองอู่ฮั่นปลายปี 2562



          ข้อแรกได้แก่ อาหารแช่แข็งที่นำเข้าจากต่างประเทศถูกส่งมายังตลาดเมืองอู่ฮั่น ข้อที่ 2 คนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากที่อื่นๆเดินทางมายังเมืองอู่ฮั่น และแพร่เชื้อไวรัสสู่คนโดยตรง ข้อที่ 3 สัตว์เป็นพาหะในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 และข้อที่ 4 คือ เชื้อไวรัสโควิด-19 หลุดมาจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือห้องแล็บแห่งหนึ่งของจีน ซึ่งนายเผิง ระบุว่าในจำนวน 4 ต้นตอดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญจีนและจาก WHO เห็นพ้องกันว่า ข้อที่ 3 คือ เป็นการแพร่เชื้อไวรัสข้ามสายพันธุ์คือ แพร่จากสัตว์ที่ติดเชื้อไวรัสเช่นค้างคาวมาสู่คน คือสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อไวรัสเริ่มระบาดในเมืองอู่ฮั่น ส่วนข้อที่ 4 คือ การที่เชื้อไวรัสหลุดมาจากห้องแล็บ นักวิจัยทั้งสองฝ่ายเห็นว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่สุด



ปากีสถานประกาศห้ามรวมกลุ่มในที่สาธารณะ หลังโควิด-19 ระบาดระลอก 3



          แถลงการณ์จากศูนย์บัญชาการและปฏิบัติการแห่งชาติของปากีสถาน (NCOC) ระบุว่า ปากีสถานได้บังคับใช้มาตรการห้ามรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะทั่วประเทศเมื่อวันที่ 28 มี.ค. เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสาม มาตรการดังกล่าวห้ามรวมกลุ่มทุกประเภท ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง โดยมีผลบังคับใช้ทันที ครอบคลุมถึงการจัดงานกิจกรรมทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง กีฬา และอื่น ๆ ส่วนงานแต่งงานห้ามจัดตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เป็นต้นไป โดยแต่ละจังหวัดสามารถพิจารณาสถานการณ์การระบาดในพื้นที่เพื่อบังคับใช้มาตรการเหล่านี้ได้ก่อนกำหนด



          ด้านนายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เนื่องจากไม่สามารถบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศได้ แม้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสาม มีความรุนแรงมากกว่าระลอกก่อน ดังนั้นชาวปากีสถานต้องปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุขอย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ปากีสถานตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 4,767 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 654,591 ราย และผู้เสียชีวิตสะสม 14,215 ราย



รมว.ท่องเที่ยว –ททท. หวังสงกรานต์สร้างรายได้ 12,000 ล้านบาท         



          เทศกาลสงกรานต์ในปี 2564 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดยาว นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ กระจายรายได้ไปสู่ชุมชน และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศให้การจัดเทศกาลสงกรานต์ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ อยู่ในรูปแบบการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ สงกรานต์ทั่วประเทศในปี 2564 นี้ เน้นการนำเสนอคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยววิถีใหม่ พร้อมควบคุมมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ



          ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 ซึ่งเป็นวันหยุดยาว 6 วัน (วันที่ 10-15 เมษายน 2564) จะคึกคักมากกว่าช่วงวันหยุดตรุษจีน และวันมาฆบูชา เนื่องจากเป็นช่วงที่คนไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อร่วมประเพณีสงกรานต์ เยี่ยมญาติ และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกับประกอบกับแรงหนุนจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ จะส่งผลให้มีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศประมาณ 3.2 ล้านคน/ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท



          การเดินหน้าโครงการ “ม33เรารักกัน” นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการโอนเงินงวดที่ 2 จำนวน 1,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิในโครงการ ม33เรารักกัน แล้ว โดยเหลืออีก 2 งวด คือ งวดที่ 3 จะโอนในวันที่ 5 เม.ย.64 และงวดที่ 4 โอนในวันที่ 12 เม.ย.64 ภาพรวมการใช้จ่ายตามนโยบายรัฐบาล โครงการ ม33เรารักกัน ผลปรากฏว่า วันที่ 22 – 28 มี.ค. 64 มียอดใช้จ่ายสะสม จำนวน 4,603,989,005.52 บาท



หุ้นไทยปิดบวกหลังแรงซื้อหุ้นน้ำมันและท่องเที่ยว



          ดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจากอุบัติเหตุที่คลองสุเอซ ทำให้การขนส่งหยุดชะงัก จึงเกิดการขาดแคลนน้ำมันในระยะสั้น จนเกิดแรงซื้อกลุ่มหุ้นน้ำมัน ขณะเดียวกันยังได้รับแรงซื้อในกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้ปัจจัยบวก โดยล่าสุดภูเก็ตเตรียมวัคซีน 100,000โดส รองรับเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ก.ค.64 ส่งผลให้ดัชนีปิดที่1,583.89 จุดเพิ่มขึ้น 9.03 จุด มูลค่า71,308.38 ล้านบาท



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง เพื่อให้ทันการได้สิทธิการรับเงินปันผลสิ้นปีงบการเงิน อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่าเฮดจ์ฟันของสหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 29,384.52 จุด เพิ่มขึ้น 207.82 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลง หลังมีรายงานว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เริ่มใช้มาตรการตามกฎหมายใหม่ที่อาจถอดหุ้นของบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการตรวจสอบบัญชีของสหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 28,338.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.87 จุด



คาดใช้เวลา 4-5 วัน ดับไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันในอินโดนีเซีย



          เปอร์ตามินา บริษัทน้ำมันของรัฐบาลอินโดนีเซียกล่าววันนี้ว่า บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถกลับมาเปิดโรงกลั่นน้ำมันบาลองกัน ในจังหวัดชวาตะวันตกได้ในอีก 4-5 วัน หลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถดับไฟไหม้ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาได้แล้ว เพลิงไหม้ครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน เปอร์ตามินา ปิดโรงกลั่นน้ำมันและอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงกลั่นประมาณ 950 คน ไปยังสถานที่ปลอดภัย ในขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ส่งต่อทางสื่อออนไลน์แสดงให้เห็นภาพเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่ลุกท่วมโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ ที่กลั่นน้ำมันได้วันละ 125,000 บาร์เรล มีเสียงระเบิดครั้งใหญ่ 1 ครั้งได้ยินกันทั่วบริเวณดังกล่าวด้วย



          นิกกี้ วิดยาวาติ ซีอีโอ ของเปอร์ตามินา กล่าวว่า เพลิงไหม้เกิดขึ้นในส่วนของถังเก็บกักน้ำมันของโรงกลั่นและไม่กระทบกับส่วนที่เกี่ยวกับการกลั่นน้ำมัน เธอกล่าวด้วยว่า อุปกรณ์หลักของโรงกลั่นไม่ได้รับความเสียหาย และหวังว่าจะกลับมาเดินเครื่องกลั่นน้ำมันได้อีกครั้งไม่นานหลังจากสามารถดับไฟได้แล้ว เพื่อที่ว่าจะได้ไม่กระทบกับปริมาณการผลิตน้ำมัน และคาดว่าจะกลับมากลั่นน้ำมันได้ในอีก 4-5 วันข้างหน้า สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ เกิดขึ้นในสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักและฟ้าผ่า แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดไฟไหม้ได้อย่างไร



ศาลปกครองชี้คำสั่งให้ผู้ต้องหาคดีจำนำข้าวชดใช้กว่า 1หมื่นล้านบาทชอบด้วยกฎหมาย



          ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ผู้ฟ้องที่ 1 นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ผู้ฟ้องที่ 2 นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ฟ้องที่ 4 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ฟ้องที่ 5 ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ทั้งหมดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทุจริตโครงการรับจำนำและ ระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี



          ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กระบวนการออกคำสั่งที่ให้ชดใช้ค่าสินไหม และการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงและโต้แย้งคดีตามสมควร รวมทั้งรับฟังพยานบุคคล เอกสารอื่นๆ และไม่ปรากฏพบว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ได้ปฏิบัติตามข้อคำสั่งของผู้หนึ่งผู้ใด



          ในส่วนของผู้ฟ้องที่ 3 คือนายอัฐฐิติพงศ์ หรือ อัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า ร่วมกระทำผิดเฉพาะสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐฉบับที่ 3 และ 4 เท่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉบับที่ 1และ 2 จึงให้รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนร้อยละ 10 ของค่าเสียหาย และให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์เฉพาะในส่วนที่เรียกให้ค่าชดใช้ค่าเสียหายเกินกว่าข้อเท็จจริงจำนวน 2,694 ล้านบาทเศษ



          ศาลระบุว่า สาระสำคัญในการทำสัญญาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กำหนดให้ต้องขายข้าวให้กับหน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า บริษัทกวางตุ้งและบริษัท ไห่หนาน ที่ร่วมทำสัญญาจีทูจี เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลจีน และไม่มีการส่งข้าวออกไปตามที่ได้ทำสัญญาไว้ แต่กลับมีการทุจริตนำข้าวมาเวียนขายในประเทศ ซึ่งการกระทำของผู้ฟ้องทั้ง 5 คน ถือเป็นการจงใจกระทำต่อบุคคลอื่น เป็นเหตุทำให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท



          ดังนั้น คำสั่งกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ผู้ฟ้องที่ 1 2 4 และ 5 ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนร้อยละ 20 ของค่าเสียหาย จึงถือว่าเหมาะสมและเป็นธรรมแล้ว ส่วนผู้ฟ้องคดีที่ 3 ให้รับผิดในค่าเสียหายร้อยละ 10  ส่งผลให้นายมนัส ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 4,011 ล้านบาทเศษ นายทิฆัมพร จำนวน 4,011 ล้านบาทเศษ นายอัฐฐิติพงศ์ จำนวน 2,694 ล้านบาท นายภูมิ จำนวน 2,242 ล้านบาท และนายบุญทรง จำนวน 1,768 ล้านบาท รวมแล้ว 5 คน 14,726 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 5 คน ยังสามารถยื่นร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน



ครั้งแรกในรอบ 10 ปี เต่าตนุ วางไข่ เกาะไหง  กระบี่



          นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่เกาะไหง ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตาว่า พบรังไข่เต่าริมชายหาดบนเกาะไหง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบ พบหลุมที่เต่าทะเลขึ้นวางไข่กว้างประมาณ 1.1 เมตร ลึกประมาณ 75 ซม. ตรวจสอบภายในหลุมไข่พบไข่เต่าจำนวน 84 ฟอง นี้ ถือเป็นรังแรกในรอบหลายสิบปีของ จ.กระบี่ สอบถามจากชาวบ้านบนเกาะ เบื้องต้นทราบว่าเต่าทะเลที่ขึ้นมาวางไข่ น่าจะเป็น เต่าตนุขึ้นมาวางไข่เมื่อประมาณ 1-2 วันที่ผ่านมา ซึ่งจุดที่แม่เต่าขุดหลุมวางไข่ เป็นจุดที่อยู่ไม่ห่างจากน้ำทะเลมากนัก ทำให้ช่วงน้ำขึ้น น้ำทะเลจะไหลเข้าท่วมในหลุม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าน้ำทะเลจะทำให้ไข่เต่าได้รับความเสียหายได้ จึงตรวจสอบไข่เต่าทั้งหมดในรัง พบว่ามีไข่ที่เสียหายไปแล้วจำนวน 7 ฟอง จึงต้องเคลื่อนย้ายไข่ที่เหลืออีก 77 ฟอง ไปฝังไว้ในจุดที่ห่างน้ำทะเลท่วมถึง เพื่อให้ไข่ได้มีโอกาสฟักเป็นตัว    



          หลังจากนี้อุทยานฯ จะจัดเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์ตลอด 24 ชม. เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้าไปรบกวน ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 40-50 วัน ในการรอให้ไข่เต่าฟักออกมาเป็นตัว แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าไข่เต่าทั้งหมด จะสมบูรณ์หรือไม่ เพราะจุดที่แม่เต่าไปวางไข่ อยู่ใกล้น้ำทะเลเกินไป ทำให้เวลาน้ำขึ้นจะมีน้ำไหลเข้าท่วมรัง ซึ่งได้จัดพื้นที่ใหม่ที่น้ำขึ้นไม่ถึง และทำการย้ายไข่ทั้งหมดไปฝังไว้แล้ว จึงขอฝากประชาชนและนักท่องเที่ยวช่วยกันดูแล อนุรักษ์เพราะเป็นเต่าที่หายาก

ข่าวทั้งหมด

X