ในวันนี้ ศาลนัดฟังคำสั่งของนายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ที่ยื่นคำร้องต่อศาลขอคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยศาลเบิกตัวนายอานนท์ จากเรือนจำมาฟังคำสั่ง ศาลพิเคราะห์ประการแรกว่าศาลมีอำนาจรับไว้ไต่สวนหรือไม่ เห็นว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา28 บัญญัติรับรองสิทธิเสรีภาพในชีวิตร่างกายของบุคคลไว้และมีบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา90 อันเป็นบทบัญญัติให้ศาลตรวจสอบว่าการคุมขังชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เพื่อคุ้มครองสิทธิของบุคคลการดำเนินการของรัฐจึงต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ของผู้ถูกควบคุมหรือขังเป็นสำคัญเมื่อมีการอ้างว่าบุคคลใดถูกคุมขังในคดีอาญาหรือในกรณีอื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายแล้วก็ถือว่ามีมูลที่ศาลจะดำเนินการรับคำร้องและดำเนินการไต่สวนฝ่ายเดียวได้ และศาลสามารถพิจารณาเหตุในการคุมขังตลอดจนพฤติการณ์และขั้นตอนการคุมขังให้ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างสมบูรณ์สมเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา 25 ยังบัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลที่จะยกบทบัญญัติคุ้มครองสิทธิของรัฐธรรมนูญขึ้นอ้างในศาลได้จึงเห็นว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลตรวจสอบคุ้มครองให้การคุมขังเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เมื่อผู้ร้องอยู่ในฐานะจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาซึ่งถูกคุมขัง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
เห็นว่าแม้ผู้ร้องกับพวกจะอยู่ภายใต้การคุมขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตาม พรบ.ราชทัณฑ์ฯกำหนดให้เรือนจำเป็นสถานที่ใช้ในการควบคุมขังหรือจำคุกผู้ต้องขังเมื่อผู้ร้องเป็นจำเลยขังตามหมายของศาลเจ้าพนักงานเรือนจำสามารถใช้อำนาจควบคุมผู้ต้องขังได้เพียงเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับพฤติการณ์เพื่อจัดการบังคับให้เป็นไปตามหมายขัง
ศาลจึงมีหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังให้ได้รับการรับรองคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายหากศาลละทิ้งหน้าที่นี้ย่อมจะทำให้ขาดองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามหลักนิติธรรม ดังนั้น เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องอาจจะได้รับอันตรายแก่ชีวิตและร่างกายศาลอาญาซึ่งเป็นผู้ออกหมายขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาจึงสามารถรับคำร้องและดำเนินการไต่สวนรวมทั้งมีอำนาจเบิกตัวผู้ร้องและหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องอื่นมาดำเนินการไต่สวนให้ทราบถึงพฤติการณ์และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามคำร้องได้
-ปัญหาที่ต้องพิจารณาประการต่อไปมีว่าผู้ร้องถูกข่มขู่คุกคามอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต และร่างกายตามร้องหรือไม่มีข้อเท็จจริงจากการไต่สวนประกอบการเปิดภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดบริเวณห้องขังได้ความว่า
เมื่อเวลา 21.30 น.มีการแจ้งให้ผู้ร้องกับพวกทราบว่าจะนำจำเลยทั้ง 3 คน ไปแยกคุมขังไว้ที่เรือนพยาบาล แต่ผู้ร้องกับพวกไม่ยินยอม รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีความเห็นให้นำวิธีทางการแพทย์มาใช้เป็นมาตรการในการดำเนินการ จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ตรวจหาสารคัดหลั่งเพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรนามายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพและสั่งการให้เจ้าพนักงานเรือนจำในกลุ่มเรือนจำลาดยาวจัดทีมมาสนธิกำลังร่วมปฏิบัติการต่อมาเวลาประมาณ 23.35 น.เจ้าพนักงานเรือนจำบุคลากรทางการแพทย์เดินทางถึงแต่ผู้ร้องกับพวกไม่ยินยอมจึงกลับออกไป
จนเวลา 00.05 น.ของวันที่ 16มี.ค.64 เจ้าพนักงานเรือนจำและบุคลากรทางการแพทย์ชุดเดิมกลับมายังห้องขังอีกครั้งพร้อมชุดตรวจหาเชื้อพร้อมแจ้งว่าให้ผู้ต้องขังภายในห้องขังทุกคนเข้ารับการตรวจหาเชื้อ
ผู้ร้องกับพวกทั้ง7คน ยังคงปฏิเสธโดยแจ้งว่าจะขอเข้ารับการตรวจในช่วงเช้า ส่วนผู้ต้องขังอื่นอีก 9 คน ยินยอมและดำเนินการแยกตัวผู้ต้องขังทั้ง 9 คนที่ตรวจหาเชื้อออก
ต่อมาเวลา 02.10 น.เจ้าพนักงานเรือนจำ แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีกากี 5 คนและเจ้าพนักงานเรือนจำกลุ่มลาดยาวแต่งกายด้วยชุดปฏิบัติการพิเศษสีกรมท่า 5 คน กลับมายังห้องขังพร้อมแจ้งว่าจะนำตัวผู้ร้องกับพวกไปแยกคุมขังไว้ที่เรือนพยาบาล แต่ผู้ต้องขังทั้ง7คนไม่ยินยอมมีการเจรจาจนถึงเวลา02.19 น.เห็นว่าตั้งแต่เวลา 21.30-02.30 น.เจ้าพนักงานเรือนจำเข้าพูดคุยกับผู้ร้องและพวกอยู่หลายครั้งทุกครั้งต่างกระทำโดยมิได้มีท่าทีข่มขู่คุกคามหรือใช้ความรุนแรง ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ 5 คนที่เดินทางไปพร้อมกับนายแพทย์วีระกิตต์ ล้วนแต่งกายด้วยเครื่องแบบบุคลากรทางการแพทย์และเป็นเพศหญิงถึง 4 คนมีการจัดเตรียมชุดเก็บสารคัดหลั่งหลังโพรงจมูกและชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล เชื่อว่า การอำนวยการปฏิบัติงานเป็นการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด และต้องการแยกตัวจำเลยทั้ง 3 คน ไปคุมขังในสถานที่อื่นโดยมิได้มีความมุ่งหมายที่จะข่มขู่คุกคามหรือทำอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ร้องกับพวกเป็นบุคคลที่ถูกคุมขังในระหว่างการพิจารณาคดีซึ่งถูกจำกัดเสรีภาพในร่างกายบางประการ โดยวัตถุประสงค์เพียงเพื่อป้องกันมิให้ผู้ต้องขังหลบหนี ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่ออันตรายประการอื่น ผู้ร้องกับพวกและผู้ต้องขังอื่นยังคงเป็นพลเมืองไทยย่อมได้ความรับรองคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อันเป็นสิทธิที่ถือติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการอย่างเท่าเทียมกันเฉกเช่นเดียวกับปวงชนชาวไทยทั้งปวง การนอนหลับพักผ่อนซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งในการดำรงชีพและดำเนินชีวิตอันเป็นปกติของบุคคลทั่วไป
เมื่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมีมาตรการปิดโทรทัศน์ในช่วงเวลา 21.30 น.อันเป็นสัญลักษณ์แสดงนัยยะว่าถึงช่วงเวลาในการพักผ่อน เรือนจำจึงต้องยึดถือปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนที่ดำเนินมาโดยจัดให้ผู้ต้องขังได้มีช่วงเวลาพักผ่อนที่เหมาะสมเพียงพอไม่ถูกล่วงละเมิดเกินสมควรผู้ร้องกับพวกในฐานะเป็นผู้ต้องขังคนหนึ่งย่อมต้องได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกับผู้ต้องขังอื่น
การเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดก็ดีการเปลี่ยนสถานที่คุมขังของผู้ต้องขังก็ดี พึงกระทำในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม การดำเนินการใด ๆ หลังช่วงระยะเวลาดังกล่าวจึงกระทำได้ แต่เฉพาะปรากฏเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องกับพวกได้รับการคัดกรองโรคเบื้องต้นโดยตรวจวัดอุณหภูมิถึงสามครั้งจนผ่านเกณฑ์แล้วแม้จะถูกย้ายตัวมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรีซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค แต่ก็เป็นการเคลื่อนย้ายนักโทษระหว่างเรือนจำกับเรือนจำซึ่งต่างล้วน แต่มีมาตรการคัดกรองในระดับสูง กรณีจึงยังไม่ปรากฏเหตุจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งรีบหรือเร่งด่วนถึงขนาดต้องดำเนินการแยกตัวผู้ร้องกับพวกออกจากผู้ต้องขังอื่นหรือเร่งตรวจหาเชื้อไวรัสให้แล้วเสร็จภายในคืนนั้น หากปล่อยให้ระยะเวลาผ่านพ้นไปอีก 3 ชั่วโมงก็จะถึงรุ่งเช้าซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาปกติที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่กระทบต่อการพักผ่อนของผู้ต้องขังการกระทำของเจ้าพนักงานเรือนจำแม้จะไม่ถึงขนาดเป็นการล่วงละเมิดต่อกฎหมาย แต่ก็ถือเป็นการกระทำโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสมบนสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ชนและอารยประเทศให้การรับรองและคุ้มครองการดำเนินการตรวจร่างกายผู้ต้องขัง หรือย้ายสถานที่คุมขัง หรือกระทำการใด
กรมราชทัณฑ์จึงต้องดำเนินการช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรเป็นไปตามระเบียบ และแนวทางปฏิบัติที่ไม่กระทบกระเทือนต่อการตัดสิทธิขั้นพื้นฐานในการใช้ชีวิตในฐานะผู้ต้องขัง ศาลเห็นว่า การดำเนินการของเจ้าพนักงานเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องกับพวกเท่าที่ควร และเห็นควรให้เจ้าพนักงานเรือนจำที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่โดยใช้ความระมัดระวังเพื่อให้ผู้ร้องกับพวกได้รับความคุ้มครองสิทธิที่กฎหมายรับรอง