แบ่งงานให้ ‘รมช.พณ.สินิตย์’ ดูแลกรมเจรจาการค้า-กรมทรัพย์สินทางปัญญา
การแบ่งงานให้รัฐมนตรีใหม่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้ เวลา 09.00 น. นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเดินทางเข้ากระทรวงเพื่อทำงานวันแรก โดยตนจะมอบนโยบายและแบ่งงานให้รับผิดชอบตามโควตาเดิมที่นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ที่ถูกปรับไปเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม ให้ไปดูแลกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมถึงศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ถึงแม้นายสินิตย์ จะเป็นรัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง แต่เชื่อมั่นในประสบการณ์ความรู้ ความสามารถ ว่าจะทำงานได้ดี เพราะเป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ถึง 5 สมัย
ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่า การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ให้รัฐมนตรีมาจากพรรคเดียวกัน เพราะต้องการเร่งผลักดันงานให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ
ขณะที่หลายฝ่าย มองว่า รัฐมนตรีจากพรรคเดียวกัน อาจไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล นายจุรินทร์ ยืนยันว่า การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว
กกต. เร่งรับรองผลเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล-นายกฯเทศมนตรี ภายใน 30 วัน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีว่า กกต.ขอบคุณทุกฝ่าย ภาพรวมการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้พบว่ามีบางหน่วยเลือกตั้งมีการฉีกบัตร ซึ่งเกิดจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีอายุมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคดีอาญาหรือการยิงกันหน้าหน่วยเลือกตั้ง ซอยหมู่บ้านพฤกษา 3 ปากซอย 52 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการสืบสวนต่อไป ซึ่งผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว ยืนยันว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว
ผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สามารถแจ้งเหตุผลการไม่ไปใช้สิทธิ์ได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง
ส่วนการประกาศผลการเลือกตั้ง หากเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน คือวันที่ 27 เม.ย. 64
กรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ว่าจะมีผู้ร้องหรือไม่ กกต.จะดำเนินการสืบสวนไต่สวนและสามารถสั่งการเลือกตั้งใหม่หรือดำเนินการอื่นที่จำเป็น แต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วัน คือวันที่ 27 พ.ค.64
ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ‘หลงจู๊สมชาย’ โยงถึงใครออกหมายจับ
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.กองปราบปราม กล่าวว่า หลังจากนำตัวนายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือ หลงจู๊ นายธนา ลูกชายหลงจู๊ พร้อมพวกรวม 8 คน ฝากขังต่อศาลอาญา หลังจากนี้พนักงานสอบสวนและสืบสวนกองปราบปราม ยังคงต้องสืบสวนพิสูจน์ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสมชาย ที่ผ่องถ่ายไปยังเครือญาติบุคคลใกล้ชิดและลูกน้องในรูปแบบต่างๆ ที่มีอีกจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หลังจากทราบแน่ชัดจะเสนอผู้บังคับบัญชา ออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆ อีกครั้ง
นอกจากนี้การเสนอผลประโยชน์ของนายสมชาย มีหลายรูปแบบ ทั้งเงินสด โอนเข้าบัญชี ทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ขึ้นอยู่กับผู้รับว่ามีความสำคัญขนาดไหน บางรายถึงขั้นยกบ้านในโครงการที่อยู่ให้ ส่วนผู้รับจะไปแปรทรัพย์สินเป็นรูปแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับผู้รับจะเป็นคนจัดการเอง
ขณะที่ เจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียก นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล มาให้ปากคำในรายละเอียดของคดี เนื่องจาก อ้างผ่านสื่อหลายครั้งว่ารู้เห็นและมีข้อมูลเกี่ยวกับบ่อนการพนันรวมถึงเครือข่ายของหลงจู๊
แฟ้มภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ศาล จำคุก 4 ปี ปรับ 400,000 ชาย 64 ปี เผาป่าเขตอุทยาน เขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อปี 63
กรณีนายสมควร อักษรศาสตร์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จับกุมขณะกำลังเผาป่าที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ ดำเนินคดี ในข้อหาเผาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต โทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท เหตุเกิดวันที่ 3 เม.ย.63
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่กระทำผิด พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งถือว่ามีโทษที่รุนแรงมาก ผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดกับคนที่เผาป่า ทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้และส่งผลกระทบให้เกิดมลพิษทางอากาศ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และต้องดูแลช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ให้มีสวัสดิการที่ดีในการทำงาน
สำหรับกรณีที่นายสมควร ถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นอุทาหรณ์ให้กลุ่มบุคคลทั่วไปที่คิดจะเข้าไปเผาทำลายผืนป่าเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนตนหรือเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค.64 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำพิพากษาออกมาแล้ว โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายสมควร เป็นเวลา 4 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท
นายสมควร ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีจึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษการจำคุกให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี และปรับลดเหลือ 200,000 บาท และพบว่า นายสมควร ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี แต่ต้องคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทั้งหมด 4 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ เพื่อการฟื้นฟูเฝ้าระวัง ดูแลหรือสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่พนักงานควบคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งนายสมควร ไม่ขออุทธรณ์ คดีจึงถือว่าสิ้นสุด
คดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี จนสามารถจับนายสมควรได้ในที่เกิดเหตุ ผู้แจ้งเบาะแสได้รับเงินรางวัลจากกองทุนสวัสดิการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไร ของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2544 ข้อ 18 (1) หรือ (3) ไปแล้วจำนวน 10,000 บาท
นอกจากนี้ ผู้แจ้งเบาะแสและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะได้รับเงินรางวัลเป็นสินบนนำจับจากศาล ในอัตราร้อยละ 80 ของเงินค่าปรับจากจำเลย จำนวน 200,000 บาท เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้รับเงินรางวัลอีกจำนวนประมาณ 160,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัล และค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงาน พ.ศ.2548 ซึ่งจะต้องจ่ายให้ผู้แจ้งเบาะแสและเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมจับกุมภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเงินค่าปรับ