*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา07.30น.*

22 มกราคม 2558, 07:43น.


+++ก่อนที่ในวันพรุ่งนี้จะมีการลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เรื่องการถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกฯ  มีการแสดงความเชื่อมั่นเรื่องการติดตามและควบคุมสถานการณ์ จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ว่ารัฐดูแลได้ พร้อมแนะนำว่าให้โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทนเพราะทุกคนมีโทรศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องออกมา ด้าน ผู้บัญชาการทหารบก ขอร้องให้อยู่ในกรอบกติกาและฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน 



+++ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลสั่งสนช.ไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงเหมือนหนีเสือปะจระเข้ ถ้าไม่ทำอะไรจะถูกวิจารณ์อีกอย่างหนึ่งว่าซูเอี๋ยกัน สมรู้ร่วมคิดกัน อาจจะมีความผิดถ้าจำเป็นต้องทำ พูดยาก จะมาบอกว่าการไม่ทำอะไรเลยคือการปรองดอง คงไม่ใช่ การปรองดองทำได้หลายขั้นตอน หลักที่รัฐบาลพยายามใช้อยู่คือการเข้าสู่กระบวนการ และหลังจากนั้นจะแก้ไขหรือจะเยียวยา หรือจะบรรเทาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นายกฯพูดถึงการเข้าสู่กระบวนการอภัยโทษ และนิรโทษกรรมมีขั้นตอน



+++ด้านภาคเอกชน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ว่า ภาคเอกชนคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด  ถอดถอนหรือไม่ถอดถอน คงจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเข้าใจได้ว่าต้องมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว แต่ที่กังวลคือจะมีการสร้างกระแสความแตกแยกและนำไปสู่ความรุนแรง เศรษฐกิจบ้านเราก็ไม่ดีอยู่แล้วจึงอาจยิ่งซ้ำเติม เวลานี้ไทยพึ่งการท่องเที่ยวอยู่กลุ่มเดียว ที่เหลือยังไม่ดี ทั้งส่งออกและสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ รวมทั้งแรงซื้อเองก็ยังไม่ดี เพราะหนี้ภาคครัวเรือนสูง ดังนั้นถ้าปัญหาเพิ่มเข้ามาก็จะเหนื่อยมากขึ้น



+++สำหรับขั้นตอนก่อนลงมติ ในวันนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาแถลงปิดคดีด้วยตัวเอง คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)มีมติให้ถอดถอนในข้อกล่าวหาที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยับยั้งนโยบายจำนำข้าวจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย และเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต



นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า มีทีมทนายความ 4 คน และอดีตรัฐมนตรี 5 คน ร่วมเดินทางไปด้วย ทั้งนี้ ทีมทนายความได้รวบรวมข้อมูลจากการแถลงเปิดคดี การแถลงโต้แย้งข้อกล่าวหา ตลอดจนคำตอบจากการตั้งคำถาม 35 ข้อ มาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำไปเป็นข้อมูลพิจารณากลั่นกรองว่าจะหยิบเรื่องใดมาใช้ในการแถลงปิดคดีบ้าง  



+++ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ยืนยันว่า ประเด็นที่ชี้มูลนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 21 รายคดีจำนำข้าวและระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นคนละประเด็นกับเรื่องการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประเด็นถอดถอนดังกล่าวคือการละเว้นดำเนินการเมื่อพบความเสียหายเกิดขึ้น เรื่องการถอดถอนที่ สนช.จะโหวตนั้นเป็นเรื่องความเสียหายแต่ไม่ได้มีการหยุดยั้ง ไม่ใช่ประเด็นการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี แต่ประเด็นของนายบุญทรงนั้นเป็นคดีอาญาในการระบายข้าวไม่ถูกต้องตรงนี้ชัดเจน



+++ส่วนเรื่องการทำงานของคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.และอัยการสูงสุด กรณีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานของคณะทำงานร่วมและหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการ ระบุว่า คณะทำงานร่วมฯยังไม่มีมติให้ส่งฟ้อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า คณะทำงานร่วมมีมติไปเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งฟ้อง น.ส. ยิ่งลักษณ์ต่ออัยการสูงสุด ในการประชุมคณะทำงานร่วมฯนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 ม.ค. มีตัวแทนของ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดอยู่ในที่ประชุม 13 คน ถือว่าครบองค์ประชุม เป็นตัวแทน ป.ป.ช. 10 คน และอัยการสูงสุด 3 คน มีข้อตกลงในคณะทำงานก่อนหน้านี้ว่า การประชุมไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนคณะทำงานเข้าร่วมประชุมครบทุกคน ขอให้มีครบองค์ประชุมพอ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ขณะนี้ข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สอบพยานบุคคลและหาพยานหลักฐานต่างๆ จนครบถ้วนหมดแล้ว



+++นอกจากนี้ สนช.กำหนดให้วันพุธที่ 25 ก.พ. เวลา 10.00 น. เป็นวันแถลงเปิดคดีของ 38 อดีต ส.ว. และเปิดให้สมาชิกสามารถยื่นญัตติกำหนดประเด็นซักถามทั้ง 2 ฝ่าย คือ ป.ป.ช.ผู้กล่าวหา และอดีต ส.ว.ที่ถูกกล่าวหา ได้ถึงวันอังคารที่ 24 ก.พ. คดีนี้  ป.ป.ช.  ผู้กล่าวหา และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 38 คน ผู้ถูกกล่าวหา



+++เรื่องยางพารา วันนี้ 7 องค์กรยางพารา นำโดย นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เข้าพบนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อรวมองค์กรยางพาราทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทุกองค์กรยางพาราทั้งที่เป็นนิติบุคคลและไม่เป็นนิติบุคคล รวมตัวกันแก้ปัญหาและพัฒนายางพาราไทยให้เป็นระบบ



+++พล.อ.ประวิตร หารือร่วมกับผู้ประกอบการยางพารารายใหญ่ 5 แห่งว่า ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือในการรับซื้อยางจากเกษตรกรชาวสวนยาง ให้ได้ราคากิโลกรัมละ 80 บาท ตามความต้องการของเกษตรกร โดยจะรับซื้อไม่จำกัดจำนวนและพยายามผลักดันราคายางให้ได้กิโลกรัมละ 80 บาทโดยเร็วที่สุด



+++กรณี พล.อ.ประยุทธ์เร่งรัดการเพิ่มรายได้แก่กลุ่มเกษตรกรและรากหญ้า นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินภาวะเศรษฐกิจจากผลของมาตรการรัฐบาล เพราะต้องยอมรับว่างบที่เบิกจ่ายไปในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม-ธันวาคม 2557) มีจำนวนพอสมควร แต่เศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย และมอบหมายให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบเป็นรายกรม รวมถึงงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีการเบิกจ่ายงบในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท มีการนำเงินไปใช้ตามโครงการหรือไม่ หรือเบิกไปเพื่อนำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคาร ต้องมีการเร่งรัดให้นำเงินดังกล่าวออกมาใช้โดยเร็ว เช่นเดียวกับที่นายกฯ อยากให้มีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการช่วยเหลือชาวนาและผู้มีรายได้น้อย ได้มอบหมายให้ สศค.ไปศึกษาดูแล้วว่าควรจะเป็นมาตรการอะไร



+++ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า สศค.กำลังอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการที่จะนำมาช่วยเหลือชาวนาและผู้มีรายได้น้อย แนวทางที่จะออกมาต้องเป็นการบรรเทา ผลกระทบ แต่จะไม่ใช่มาตรการเกี่ยวกับการแจกเงิน เพราะที่ผ่านมามีการให้ไปพอสมควรแล้ว การสนับสนุนเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ หรือช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกรน่าจะดีกว่า สิ่งที่มองไว้เบื้องต้น เช่นการจัดตั้งกองทุนแบบใหม่  รัฐช่วยเงินแล้วไปให้สมาชิกในหมู่บ้านเพื่อการพัฒนานำไปใช้สร้างอาชีพ ต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนให้ชัดเจน ไม่ใช่กู้ไปซื้อมือถือ หรือนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การใช้เงินต้องทำให้เกิดอาชีพ ช่วยให้คนมีข้าวกินในระยะยาว



+++การขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินและขยายผลตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง คดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวน เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ มีการฝากขังเป็นครั้งที่ 4 เหลือเวลาอีก 25 วัน พนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นเพื่อให้ทันการส่งฟ้อง ส่วนบุคคลที่ออกหมายเรียกให้เข้าพบทั้ง 26 คนนั้น ภายในวันที่ 23 มกราคมนี้จะต้องเข้าพบพนักงานสอบสวน หากรายใดไม่เข้ามาตามนัด ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมมาชี้แจงเพื่อเลื่อนนัดหมายออกไป



+++ด้านพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากอธิการบดี สจล.ว่าขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เริ่มระบาดอีกครั้ง โดยมุ่งเป้าไปที่อาจารย์และนักศึกษา สจล. โทรศัพท์หลอกลวงแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง.ว่าให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบ เนื่องจากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์ สจล. หากไม่เกี่ยวข้องจะ โอนเงินคืนกลับภายใน 5-10 นาที แต่ยังไม่มีใครตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อการหลอกลวง



 

ข่าวทั้งหมด

X