องค์การอนามัยโลก สรุปรายงานกำเนิดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งนายปีเตอร์ เบน เอมบาเรข หัวหน้าฝ่ายสืบสวนแหล่งกำเนิดโควิด-19 กล่าวว่าขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบเนื้อหาของรายงานในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวดในการแก้ไขและแปลรายงาน 400 หน้า แต่คาดว่าจะสามารถเผยแพร่รายงานนี้ต่อสาธารณะได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
โดยในเบื้องต้น คณะทำงานขององค์การอนามัยโลก พบว่ามีสัญญาณของการระบาดในเมืองอู่ฮั่น ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ในลักษณะที่กว้างกว่าที่คาดคิดไว้มาก
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความสำคัญกับรายงานต้นกำเนิดของไวรัสโควิด-19 โดยกล่าวว่า เขาจะรับคำแนะนำจากชุมชนวิทยาศาสตร์ ซึ่งนางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดนกำลังรอรายงานจากองค์การอนามัยโลกก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้ ดร.โรเบิร์ต เรดฟิลด์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นโดยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไวรัสโควิด-19 มีต้นกำเนิดจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีน
ด้านนพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติและหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนอกจากทฤษฎีของ ดร.เรดฟิลด์แล้ว ยังมีความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนที่เชื่อว่าไวรัสอาจแพร่กระจายในชุมชนในประเทศจีนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะมีการตรวจสอบยืนยัน
เมื่อวานนี้ทางการจีนยังได้จัดให้มีการบรรยายสรุปต่อนักการทูตจากประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอบสวนต้นกำเนิดของโควิด -19 แต่เนื่องจากการบรรยายนี้มีขึ้นก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะเผยแพร่รายงาน ทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามชี้นำ และทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับอิทธิพลของจีนและความเป็นอิสระของการทำงาน ซึ่งนายหยาง เทา เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จุดประสงค์ของการบรรยายสรุป ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสของจีน ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด และไม่มีอะไรต้องปิดบัง พร้อมต่อต้านความพยายามของบางประเทศที่ทำให้การตรวจสอบต้นกำเนิดของโควิด-19 เป็นเรื่องการเมือง มีการตั้งข้อกล่าวหาอย่างไร้เหตุผล เพื่อให้จีนเป็นผู้รับผิดชอบ
....