นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)ว่าที่ประชุมเห็นชอบหลักการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีหลักการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับและมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตโดยตรง และท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 100,000 คน เริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 1 ก.ค.64 โดยที่ประชุมมอบหมายให้ ททท.ไปหารือรายละเอียดกับ ศบค.และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แล้วรายงานมายังรัฐบาลภายใน 1 เดือน
สำหรับแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จัดทำไว้ มีทั้งหมด 3 ระยะ คือ
1.ช่วงเดือนเมษายน 2564 ศบค.ผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยยังต้องมีมาตรการกักตัวภายในพื้นที่ที่กำหนด เช่น โรงแรม เป็นเวลา 7 วัน หรือ “แผน 0+7” คือไม่ต้องอยู่แต่ในห้อง สามารถอยู่ในพื้นที่โรงแรมได้ จากนั้นสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้ โดยให้นำร่องที่ จ.ภูเก็ตเป็นที่แรก ส่วนจังหวัดท่องเที่ยวอื่น คือ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี , จ.กระบี่ , จ.พังงา , พัทยา จ.ชลบุรี และจ.เชียงใหม่ จะต้องไปจัดทำแผนความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวมาเสนอ ศบศ.พิจารณา
2.ช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองแล้ว และมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ สามารถเดินทางเข้า จ.ภูเก็ตได้ แบบไม่ต้องกักตัว และท่องเที่ยวในภูเก็ตได้ทันที ส่วนพื้นที่อื่นยังคงใช้มาตรการเดิม คือ 0+7
3.ช่วงเดือนตุลาคม 2564 เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วและมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ แบบไม่ต้องกักตัวในจังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี , จ.กระบี่ , จ.พังงา , พัทยา จ.ชลบุรี และจ.เชียงใหม่
ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เร็วขึ้นตามแผนที่ได้รับความเห็นชอบจาก ศบศ.ในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ตในไตรมาสที่ 3 ได้ประมาณ 100,000 คน ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ส่วนจะสามารถเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากเดิมที่สภาพัฒน์ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 3,000,000 คนในปีนี้หรือไม่นั้นต้องดูในเรื่องของผลตอบรับจากที่มีการทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตก่อนว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตามเป้าหมายหรือไม่ รวมทั้งต้องดูว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะเป็นกลุ่มที่ใช้เงินสูงหรือไม่ถ้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงก็จะช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวได้มากขึ้น