ผลศึกษาเผยวัคซีนช่วยป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับสตรีมีครรภ์,สตรีเพิ่งคลอดลูกและทารกน้อย

26 มีนาคม 2564, 14:27น.


          ผลการวิจัยโดยโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ เจนเนอร์รอล (Massachusetts General Hospital) ร่วมกับโรงพยาบาลบริกแฮม แอนด์ วีเมนส์ ฮอสพิทอล (Brigham and Women's Hospital) สถาบันรากอน อินสติทิว ออฟ เอ็มจีเอช (Ragon Institute of MGH) สถาบันเอ็มไอที (MIT) และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของสหรัฐฯ พิมพ์เผยแพร่ในวารสารสูตินรีเวชวิทยาของสหรัฐฯชื่อว่า อเมริกัน จาร์นาล ออฟ ออบสทีทริคซ์ แอนด์ ไกนิคอลละจี (American Journal of Obstetrics and Gynecology) บ่งชี้ว่าวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคและบริษัทโมเดอร์นา มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับสตรีมีครรภ์และสตรีที่เพิ่งคลอดลูกซึ่งสามารถจะถ่ายทอดสารภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพไปสู่ทารกน้อย



          ทั้งนี้ นักวิจัยได้ศึกษาเรื่องนี้จากสตรี 131 คน ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค หรือจากบริษัทโมเดอร์นา แบ่งเป็นสตรีมีครรภ์ 84 คน สตรีเพิ่งคลอดลูก 31 คนและสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์อีก 16 คน รวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 17 ธันวาคมปีที่แล้วจนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2564 พบว่าระดับสารภูมิคุ้มกันหลังการฉีดวัคซีนอยู่ในสัดส่วนเท่าๆกันสำหรับกลุ่มสตรีที่ตั้งครรภ์และสตรีที่เพิ่งคลอดลูก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ ทีมวิจัยพบว่าระดับสารภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ระหว่างตั้งครรภ์



          ด้านศาสตราจารย์กาลิต อัลเตอร์ จากคณะแพทย์ศาสตร์ของสถาบันรากอน อินสติทิว ออฟ เอ็มจีเอช หนึ่งในทีมวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าวัคซีนใช้ได้ผลดีเกินคาดในกลุ่มสตรีมีครรภ์และสตรีที่เพิ่งคลอดลูก ทั้งพบว่าสตรีมีครรภ์และสตรีที่เพิ่งคลอดลูกสามารถจะถ่ายทอดสารภูมิคุ้มกันไปยังทารกน้อยผ่านรกในครรภ์หรือด้วยการให้ทารกน้อยกินนมมารดา



          ศาสตราจารย์อัลเตอร์ กล่าวว่าผลวิจัยแสดงให้เห็นว่ามารดาแทบทุกคนสามารถจะถ่ายทอดสารภูมิคุ้มกันไปยังทารกน้อยในครรภ์หรือที่คลอดออกมาแล้วในระดับสูงน่าพอใจ แต่เพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจว่าสารภูมิคุ้มกันในตัวทารกน้อยจะอยู่ได้นานเพียงใด



Cr: CNN, KCTV5

ข่าวทั้งหมด

X