ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564

25 มีนาคม 2564, 13:51น.



26 มี.ค.ประชุม ศบศ.วางมาตรการกระตุ้นศก. เปิดรับนทท.



          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 26 มี.ค.64  เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบศ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เข้าร่วมประชุมด้วย



          การประชุมวันพรุ่งนี้ จะประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด เพื่อนำมาพิจารณาแนวทางในการกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมและตรงจุดในการแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าของมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว เพื่อนำมาประเมินผลและประกอบกับการพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2564



          โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณากำหนดแนวทางความเป็นไปได้ ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะพิจารณาในพื้นที่นำร่องจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยรัฐบาลพยายามที่จะช่วยหาแนวทางเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศและจังหวัดที่มีสัดส่วนการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง เช่น จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มจังหวัดอันดามัน กลับมาฟื้นตัวได้ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ประกอบกับหลายประเทศรวมทั้งไทย เริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้แก่คนในประเทศมากขึ้น



          นอกจากนี้ คาดว่าที่ประชุมจะพิจารณาแนวทางปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบการธุรกิจ และการดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เช่น การลดข้อจำกัดการประกอบกิจการของคนต่างด้าว การทบทวนสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยเฉพาะในสาขาเป้าหมาย และการปรับปรุงระบบศุลกากรและพิธีการศุลกากร  ควบคู่กับการพัฒนาระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ เพื่อลดขั้นตอนและต้นทุนของกระบวนการทำงาน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในระยะต่อไป




รองนายกฯ ย้ำไทยต้องมีจุดยืนชัดเจน ศก.โต 4%



          นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้มีอัตราการเติบโต (จีดีพี) ได้ที่ระดับร้อยละ 4 แม้หลายหน่วยงานจะมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจเติบโตได้เพียงร้อยละ 3 หรืออาจน้อยกว่านั้น เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียงร้อยละ 2.7 เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากรายได้การท่องเที่ยวที่หดหายไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลมองว่าเป้าหมายการเติบโตที่ ร้อยละ 4 เป็นเป้าหมายที่ท้าทายและต้องพยายามจะไปถึงให้ได้



          อย่างไรก็ดี การที่จะไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ร้อยละ 4 อาจจะต้องมีการเตรียมความพร้อมเปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาให้ได้ก่อนเดือน ต.ค.64 เพราะหากเปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทัน แต่การเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศก่อนเดือน ต.ค. 64 ไม่ได้หมายถึงการเปิดรับแบบทั้ง 100% ทั่วประเทศ เป็นเพียงการเปิดให้เข้ามาได้เฉพาะบางจังหวัดตามความสมัครใจของประชาสังคมนั้นๆ ด้วย เช่น จังหวัดภูเก็ตที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ



          นายสุพัฒนพงษ์ มองว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือได้ว่าเข้าสู่ช่วงปลายของการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะต้องประคองและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วย ขณะเดียวกันก็หวังให้ภาคประชาชนที่มีเงินออม นำเงินที่ออมส่วนหนึ่งออกมาใช้จ่ายอันเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปศึกษามาตรการเพื่อจูงใจให้คนกลุ่มนี้นำเงินออมส่วนเกินออกมาใช้ เบื้องต้นอาจมีรูปแบบคล้าย co pay ส่วนรายละเอียดจะเป็นลักษณะใดขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาก่อน 



สหรัฐฯ หวังว่า WHO จะรายงานต้นกำเนิดโควิด-19 บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์




          สหรัฐฯ คาดหวังว่าการสอบสวนขององค์การอนามัยโลก(WHO) เกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 จะมีการศึกษาเพิ่มเติมบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ รวมถึงการที่ผู้เชี่ยวชาญต้องเดินทางกลับไปตรวจสอบที่จีนอีกครั้ง นายมาร์ค แคสเซย์รี อุปทูตสหรัฐฯประจำสำนักงานสหประชาชาติในเจนีวา แสดงความหวังว่า ภารกิจของWHOที่มีการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นเมื่อเดือนม.ค.-ก.พ.64 จะสามารถเข้าถึงข้อมูลและประชาชนที่สามารถนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 เพื่อให้เราสามารถเตรียมรับมือกับการระบาดในอนาคตได้ดีขึ้น



          การทำงานเพื่อหาต้นตอของโควิด-19 เป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจาก การโต้เถียงระหว่าง 2 ประเทศเมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกโควิด-19 ว่า “ไวรัสจีน” และกล่าวหาว่าจีนปิดบังข้อมูล



          นายเบน เอ็มบาเรก เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก ผู้นำภารกิจ เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 (SARS-CoV-2) น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากค้างคาว แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามนุษย์ติดเชื้อได้อย่างไร



          ส่วน นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า การตรวจสอบสมมติฐานทั้งหมดยังคงเปิดกว้าง และให้คำมั่นว่ามีการทำงานอย่างโปร่งใส




เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเช้านี้ นายกฯญี่ปุ่น เรียกประชุมสภาความมั่นคง



          นายโยชิฮิเดะ สึกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เช้านี้ เกาหลีเหนือ ยิงขีปนาวุธ 2 ลูก ทำให้ต้องเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว  นายสึกะ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้ง ยืนยันว่า เรือนาวิกโยธินและเส้นทางสัญจรทางอากาศยังปลอดภัย และไม่ได้รับผลกระทบจากการยิงขีปนาวุธ



          เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขีปนาวุธถูกยิงจากพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ อาจจะตกลงในพื้นที่รอบนอกและในเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น



          ด้านเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ระบุว่า ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูก ตกลงในทะเลญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม



          ขณะที่ สหรัฐฯ ระบุว่า การกระทำของเกาหลีเหนือเป็นกิจกรรมทางด้านการทหารตามปกติ และพร้อมที่จะเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทบทวนในขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯที่มีต่อเกาหลีเหนือ โดยคณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะประชุมกันในสัปดาห์หน้าที่สหรัฐฯ เพื่อร่วมกันทบทวนนโยบายดังกล่าว




 



 



 



 



 



 



 




 

ข่าวทั้งหมด

X