ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564

อย.พิจารณาข้อมูลการขอขึ้นทะเบียนวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

         ความคืบหน้าการอนุญาตขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ในวันนี้ จะมีการพิจารณาเรื่องการขอขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จากข้อมูล เอกสารต่างๆ ที่ส่งเข้ามา ยังไม่รู้หัว-ก้อย เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ผู้เชี่ยวชาญจากอย.หารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากผู้ผลิตวัคซีน คาดว่า หลังจากวันนี้จะมีข้อสรุป การขออนุญาตจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญ การหารือร่วมกันชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ

          นพ.ไพศาล กล่าวว่า ผู้ได้รับอนุญาตนำเข้ามีจำนวนมาก แต่คนที่จะนำเข้าวัคซีนมาได้จะต้องเป็นผู้รับอนุญาตนำเข้าและมาขึ้นทะเบียนวัคซีนที่จะนำเข้ามา ขณะนี้ มีเพียง 2 บริษัทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว คือ แอสตราเซเนกา และ ซิโนแวค ขณะเดียวกัน จอห์นสันฯ นำเข้าโดย บริษัทแจนเซน กำลังรอผล

          ส่วนบริษัทภารัต ไบโอเทค ประเทศอินเดีย นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ยื่นเอกสารมาแล้วแต่ยังไม่ครบ อย. ได้ทวงไปแล้ว

          นอกจากนี้ วัคซีนสปุตนิก วี ประเทศรัสเซีย และ วัคซีนโมเดอร์นา สหรัฐฯ ก็มาคุยไว้แต่ยังไม่ยื่นเอกสารมา

กองปราบ ทลายโกดังย่านลำลูกกา เก็บถุงมือยางเถื่อน 20 ล้านชิ้น ของนายทุนชาวจีน

          พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม พร้อมทั้งภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการอย. นำหมายค้นศาลธัญบุรี ตรวจค้นอาคารเลขที่ 88/7 หมู่ 13 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งซุกซ่อนถุงมือยางทางการแพทย์ไม่ได้มาตรฐานจำนวนมาก

          จากการตรวจสอบภายในโกดังขนาดเล็กไม่มีเครื่องผลิต มีแต่เครื่องบรรจุผลิตภัณฑ์ลงกล่อง ต้องสอบสวนขยายผลไปถึงเจ้าของโกดังว่ามีการลักลอบนำเข้าหรือเป็นการนำถุงมือยางเก่ามารีไซเคิลหลอกขายให้ลูกค้า เบื้องต้นทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง

          เจ้าหน้าที่จับคนงานได้ทั้งหมด 19 คน เป็นชาย 9 คน และหญิง 10 คน ส่ง สภ.ลำลูกกา ดำเนินคดี พร้อมทั้งตรวจยึดถุงมือยางยี่ห้อต่างๆเกือบ 20,000,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 500,000,000 บาท ลังกระดาษและกล่องบรรจุภัณฑ์รวมกว่า 78,000 กล่อง พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา

-ผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์โดยไม่จดทะเบียนสถานประกอบการ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

-ผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ปลอม โดยลวงให้เข้าใจผิดในเรื่องชื่อ ส่วนประกอบ คุณภาพ ชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

-ขายเครื่องมือแพทย์ปลอม โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

          พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการที่ขาดคุณธรรมฉวยโอกาสนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานมาจำหน่าย โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ อาจทำให้ประชาชนได้รับอันตราย ผู้เสียหายหลายรายร้องเรียนที่กองปราบปรามว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงอ้างว่าสามารถนำสินค้าประเภทถุงมือยางทางการแพทย์มาจำหน่ายให้ได้เป็นจำนวนมาก ผู้เสียหายหลงเชื่อวางเงินมัดจำสูงถึงรายละ 40-50 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับสินค้า บางรายได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ เมื่อนำส่งออกไปต่างประเทศตีคืนสินค้ากลับมาทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ

สบส.จับคลินิกเสริมความงามเถื่อน 3 แห่ง  

          นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรม สบส.ได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีการลักลอบเปิดคลินิกเถื่อน จึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย กรม สบส.ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และ อย. ปฏิบัติการกวาดล้างคลินิกเสริมความงามเถื่อน 3 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตคลองสามวา หลักสี่ และจตุจักร โดยพบความผิด ดังนี้

1. ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต ถือว่าเป็นหมอเถื่อน มีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

4. จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

5.จำหน่ายเครื่องสำอางที่ถูกเพิกถอนใบรับจดแจ้ง มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยา โทษปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท

          นพ.ธเรศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีแพทย์จำนวนมากที่เข้าตรวจและให้บริการแก่ประชาชน โดยไม่รู้ว่าสถานพยาบาลแต่ละแห่ง ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอเตือนแพทย์ที่จะเข้าไปให้บริการตรวจรักษา ควรตรวจสอบวัน เวลา ที่รับอนุญาตให้ครบถ้วน โดยให้คำนึงถึงจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเป็นสำคัญ

          ในส่วนของประชาชน กรม สบส.ก็ต้องขอเน้นย้ำให้ศึกษาข้อมูล และผลกระทบให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนตัดสินใจรับบริการ โดยเฉพาะการศัลยกรรมเสริมความงามจะต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น หากคนทำไม่ใช่แพทย์ จะเสี่ยงเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ และหากใครมีเบาะแสของคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน หรือพบเห็นการให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐานของสถานพยาบาลเอกชน แจ้งได้ที่สายด่วน กรม สบส.1426

CR:สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ชุลมุน! ตีกันในผับดัง จ.เพชรบุรี หลังคอนเสิร์ตเลิก เจ็บหนัก

          เหตุตีกันอย่างอุตลุดในผับแสงตะวัน จ. เพชรบุรี ในคลิปมีทั้งปาขวด ทั้งเอาโต๊ะทุ่มใส่กัน พังระเนระนาด กลุ่มผู้เสียหาย ทยอยเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี นายบุญลือ มั่นคง อายุ 32 ปี ชาวบ้านตำบลท่าไม้รวก อ.ท่ายาง หนึ่งในผู้ถูกรุมทำร้าย เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.64 ได้มาเที่ยวร้านแสงตะวันกับเพื่อนชายและเพื่อนผู้หญิงรวมทั้งหมด 4 คน ขณะที่ร้านปิด ทั้ง 4 คน กำลังรอให้คนทยอยออกจากร้านไปก่อน ได้มีผู้หญิงและผู้ชาย ที่ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อแอนและคิม เดินเข้ามาถามว่า มองหน้าพวกเขาทำไม นายบุญลือ ตอบกลับไปว่า ไม่ได้มอง แต่ฝ่ายที่เข้ามาถามกลับลงมือปาขวดและรุมทำร้ายทันที

          นายบุญลือ เปิดเผยว่า รู้สึกงงเพราะไม่เคยรู้จักกับผู้ที่มาทำร้าย สำหรับบาดแผลที่ถูกทำร้ายที่หัวมีกระโหลกยุบนิดหน่อย และมีแผลฉีกต้องเย็บ 30 เข็ม ใต้ตาขวาต้องเย็บรวมทั้งที่มือและเท้ามีบาดแผลฉีกขาด ต้องเย็บอีกจำนวนหลายเข็ม

          ส่วนเพื่อนอีกคนที่ถูกทำร้ายคือ นายเตวิช เทียมถม อายุ 25 ปี ชาวบ้าน ต.คลองกระแชง อ.เมืองเพชรบุรี มีบาดแผลที่หัวต้องเย็บประมาณ 20 เข็ม แผลที่คิ้วเย็บ 12 เข็ม และที่อื่นๆตามร่างกายต้องเย็บอีกประมาณ 20 เข็ม นอกจากนี้ นิ้วชี้ซ้ายเอ็นขาดต้องได้รับการผ่าตัดอีกด้วย ส่วนเพื่อนหญิงอีก 2 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บ

          หนึ่งในเพื่อนผู้หญิง ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ในร้านแสงตะวัน คนเยอะมากเพราะมีคอนเสิร์ต และมีการตีกันก่อนกรณีของตน 1 ครั้งแล้ว แต่ก็ได้มีการห้ามจนสงบลงไป เมื่อร้านเลิกจึงรอให้คนอื่นๆออกไปก่อน โดยนั่งรออยู่ภายในร้าน ในเวลาต่อมาก็เกิดเหตุขึ้น ในส่วนตัว พยายามเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายเช่นกัน

          สำหรับกลุ่มคนที่ตี เท่าที่ทราบเป็นเด็กหนองปลวก อำเภอท่ายาง ทราบชื่อเล่น คิม,เอ็ม,นิว แต่เพื่อนของตนอีกคนน่าจะรู้จักคนที่เข้ามารุมตีได้ดี รอให้ฟื้นตัวจะมาให้ปากคำกับตำรวจ รายละเอียดในคดีอยู่ระหว่างการสืบสวน สอบสวนพยานแวดล้อม