ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30น.วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564

สมุทรสาคร เปิดขนส่งวันแรก ยังพบติดเชื้อบางจุด

          พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. เปิดเผยสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สมุทรสาครว่า วันนี้มีการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากรองผู้ว่าราชการ จ.สมุทรสาคร และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด รายงานว่า วันนี้ มีการเปิดสถานีขนส่งเป็นวันแรก เป็นการเดินทางข้ามพื้นที่และแวะพักใน จ.สมุทรสาครได้แล้ว โดยมีการกำชับให้ภายในสถานีขนส่งต้องปฎิบัติตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เกือบจะเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งจังหวัดแล้ว ยังพบผู้ติดเชื้อกระจุกอยู่ในบางพื้นที่ บางอำเภอ บางตำบล ประมาณร้อยละ 1-2 ถือว่าระบบสาธารณสุขในพื้นที่ควบคุมได้ มาตรการผ่อนคลายเป็นไปตามที่วางไว้ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกัน แต่ขอให้อดใจอีกสักนิด เพราะไม่อยากเห็นการติดเชื้อเปรียบเหมือนสะเก็ดไฟที่เกิดจากการเดินทางในช่วงสงกรานต์ และอยากให้ จ.สมุทรสาคร เป็นตัวอย่าง ต้นแบบที่ดี    

ศบค.ย้ำการสอบแต่ละจุด อย่าจับกลุ่มพูดคุย-ติวหนังสือ

          ปัญหาที่ ศบค. เจอในช่วงที่ในช่วงนี้มีการสอบหลายระดับชั้น พบว่า นักเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง หละหลวม ขณะที่ โรงเรียน ปฎิบัติตามมาตรการเข้มข้น จำกัดจำนวนนักเรียน เว้นระยะห่าง และปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่ข้อมูลที่ได้รับจากคนที่เข้าไปในสถานที่ พบว่า หลังจากช่วงการรับประทานอาหารแล้ว ยังมีการจับกุมพูดคุย ติวหนังสือในวันสอบถัดไป บางจุด ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากจะตำหนิให้รู้สึกไม่ดี แต่อยากให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องช่วยเหลือกัน 

กรมควบคุมโรค พบโรงงานขนมที่บางขุนเทียน หละหลวม ทำให้ติดเชื้อ

           พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. เปิดเผยว่า หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 17 คน ที่โรงงานทำขนม ในพื้นที่เขตบางขุนเทียน ทั้งคนไทยและเมียนมา กรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่า มาตรการตามขั้นตอนกระทรวงสาธารณสุขหละหลวม ไม่ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด โรงงานขนมแห่งนี้มีหน้าร้าน มีคนเดินทางผ่านเข้า-ออก ตลอด ส่วนที่สอง เป็นอาคารพาณิชย์สถานที่ทำงาน มีพนักงานประมาณ 71 คน เป็นโรงงานทำขนม แบ่งเป็นแผนกมีการประสานงานกัน ไม่มีลิฟต์ ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน แต่มีการสแกนนิ้ว /สแกนหน้า เพื่อเข้างาน มีการวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้างาน มีจุดล้างมือ พนักงานทุกคนสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลา มีการทำความสะอาดเป็นเวลา มีการปฎิบัติตามมาตรฐาน แต่ยังไม่ครบถ้วน และหละหลวม ส่วนโซนสุดท้าย เป็นที่พักของพนักงาน 70 คน แบ่งเป็นห้องเช่า พบว่า จุดนี้ไม่มีการปฎิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุข ไม่มีการลงทะเบียน การวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร ไม่มีจุดบริการเจลล้างมือ การสวมใส่หน้ากากอนามัยไม่เคร่งครัดทำให้เกิดการติดเชื้อในพื้นที่นี้ ศบค. อยากให้ร้านค้า  โรงงาน ตลาดและชุมชนไปทบทวนมาตรการ เพราะเราไม่รู้เลยว่ามีใครติดเชื้อบ้าง เพราะไม่มีอาการ อาจเป็นเพื่อนบ้าน เป็นคนในครอบครัวก็ได้

ประจวบฯ พบผู้ลอบเข้าเมืองติดเชื้อ 4 คน

          สถานการณ์ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์  จับคนที่ลักลอบเข้าเมืองได้  33 คน เมื่อควบคุมตัวได้ เรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจโควิด -19 ครั้งที่ 1 ผลการตรวจเป็นลบ ย้ายผู้ต้องหามาที่สถานที่กักกัน เมื่อตรวจคัดครองครั้งที่ 2 พบติดเชื้อ 4 คน ทำให้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต้องกักตัวพนักงาน ข้าราชการกว่า 70 คน และขอให้มีการจัดสถานที่กักกัน ด้วยการใช้กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน และมีการล้อมรั้วลวดหนาม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจและดูแลตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และเมื่อหายแล้วก็จะสั่งฟ้องตามกฎหมายและผลักดันกลับประเทศ

          ส่วนจุดอ่อนของประเทศต่างๆ ที่ทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายในวงกว้าง  ศบค. พบว่า มีการกำหนดมาตรการผ่อนคลายเร็วเกินไป ไม่ได้จำกัดการเดินทาง จนมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จากนั้นจึงมากำหนดมาตรการ แต่ก็คุมได้ยากแล้ว ขณะที่ บางประเทศ ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ หรือระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ ขณะที่ไทยมีอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) และกรมควบคุมโรค ที่ทำงานกันอย่างหนัก ในส่วนของไทย ยืนยันว่า ไม่ผ่อนคลายเร็วเกินไป เพราะอาจจะทำให้เราติดเชื้อ แพร่ระบาดในวงกว้างได้  

ฮ่องกง- มาเก๊า พบขวดบรรจุภัณฑ์วัคซีนของไฟเซอร์ชำรุด

          เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า ประกาศระงับการใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์มีข้อบกพร่อง ประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทโฟซัน ของจีนซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายวัคซีนของไฟเซอร์ในประเทศ แจ้งต่อทางการฮ่องกงและมาเก๊าว่าพบขวดบรรจุภัณฑ์หมายเลขล็อต 210102 มีการชำรุด ทางการของทั้ง 2 แห่งจึงแจ้งว่าเพื่อความปลอดภัยและเป็นการป้องกันไว้ก่อน จึงให้ระงับการฉีดวัคซีนในระหว่างที่มีการสอบสวน โดยในวันนี้ ศูนย์หลายแห่งทั่วฮ่องกงได้รับคำสั่งให้หยุดการใช้วัคซีนของไฟเซอร์แล้ว ส่วนชาวฮ่องกงบางคนโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าได้รับแจ้งยกเลิกนัดฉีดวัคซีน และศูนย์ฉีดวัคซีนบางแห่งปิดทำการในวันนี้

เอฟดีเอ อนุญาตให้โรงงานจัดส่งวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

          บริษัทคาตาเลนท์ ซึ่งเป็นโรงงานบรรจุวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในบลูมิงตัน รัฐอินเดียนา เปิดเผยว่าได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ ในการจัดส่งวัคซีน เพื่อเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น และบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังมีสัญญาการส่งมอบวัคซีน 20,000,000 โดสให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายในสิ้นเดือนนี้ (มี.ค.)

          ทั้งนี้บริษัทคาตาเลนท์ ได้เร่งการทำงานในช่วง 2 ถึง 3 เดือนโดยมีการจ้างพนักงานเพิ่มอีก 300 คนเพื่อทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่การจัดส่งผลิตภัณฑ์จะต้องได้รับอนุญาตจากเอฟดีเอก่อน

         เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่บริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงความไม่มั่นใจว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ตามที่สัญญาไว้เพราะเมื่อสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สามารถจัดส่งได้เพียง 4,000,000 โดส และในเดือนนี้จัดส่งแล้ว 1,200,000 โดส ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะต้องจัดส่งอีก 14,800,000 โดส ภายในสัปดาห์หน้า

ทำเนียบขาว เล็งใช้คำสั่งพิเศษ ควบคุมอาวุธปืน หลังเหตุกราดยิงที่โคโลราโด

          นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาออกคำสั่งพิเศษเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ทั้งการใช้กระบวนการนิติบัญญัติและการออกคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี ในประเด็นกฎหมายควบคุมอาวุธปืน รวมไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมชนต่างๆ  ขณะนี้มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง ประธานาธิบดีไบเดน ประนามการใช้ความรุนแรง และเรียกร้องให้สภาคองเกรส ผ่านร่างกฎหมายห้ามขายอาวุธร้ายแรงและที่ใส่กระสุนความจุสูง

          นอกจากนี้ ยังได้ขอให้วุฒิสภาสหรัฐฯ เร่งผ่านร่างกฎหมายควบคุมอาวุธปืน 2 ฉบับ ได้แก่ กฎหมาย Bipartisan Background Checks Act และ Enhanced Background Checks Act ที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบให้ผ่านร่างกฎหมายไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยกฎหมาย 2 ฉบับนี้จะเพิ่มความรัดกุมในขั้นตอนของการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องการซื้ออาวุธปืน