ขนส่ง จับ-ปรับรถสาธารณะอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ-นำรถส่วนตัวรับผู้โดยสาร ย่านรังสิต

          ถนนพหลโยธิน เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพเพื่อใช้เดินทางออกไปต่างจังหวัดได้ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ลงพื้นที่ตามจุดต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในการตรวจรถโดยสารสาธารณะรวมถึงรถประเภทต่างๆ เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยในวันนี้นายธเนศ อาทิตย์เที่ยง เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน ลงพื้นที่บริเวณถนนพหลโยธิน ขาออก ฝั่งตรงข้ามห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เพื่อตรวจรถประเภทต่างๆ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก รถรับจ้างสาธารณะ รถโดยสารสาธารณะทั้งแบบประจำทางและไม่ประจำทาง(รถทัวร์) พบการกระทำผิดเป็นจำนวนมาก 

         รถบรรทุกที่ติดตั้งแตรลม ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน1,000บาท และยังพบอีกหลายกรณีความผิดที่ส่วนมากจะหนักไปในข้อหาอุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ เช่น กระจกมองข้างแตก แผ่นป้ายทะเบียนชำรุด,ลบเลือน

         รถยนต์ส่วนบุคคลที่ติดตั้งสัญญาณไฟวับวาบ รถโดยสารสาธารณะแบบไม่ประจำทาง(รถทัวร์)ที่เปลี่ยนไฟราวข้างซึ่งเป็นสัญญาณไฟเลี้ยวในตัวจากสีส้มแดง เป็นสีเขียว

          อีกทั้งยังพบรถสองแถวที่มีผู้โดยสารยืนบริเวณบันไดท้ายรถ เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารกลับเข้าไปนั่งในรถให้เรียบร้อย และเปรียบเทียบปรับผู้ขับขี่ในกรณีต่อเติมบันไดท้ายรถเป็นเงิน500บาท

          สำหรับรถตู้โดยสารสาธารณะ และรถประจำทางปรับอากาศ พบว่า นอกจากจะพบว่ามีการติดตั้งป้าย QR Code ไทยชนะ ให้ผู้โดยสารสแกนแล้ว ภายในรถมีเจลแอลกอฮอล์ให้ผู้โดยสารได้ใช้บริการด้วย ซึ่งจากการสังเกตพบว่าผู้โดยสารทุกคนดูแลป้องกันตนเองเป็นอย่างดี  โดยเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัยกันอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ยังกำชับผู้ขับขี่ว่านอกจากเรื่องความถูกต้องของตัวรถ ต้องดูแลเรื่องจำนวนของผู้โดยสารอย่างเคร่งครัดด้วย

          ระหว่างที่ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก มีรถยนต์ป้ายดำ ตัวรถสีชมพู ไม่มีโป๊ะไฟ ถูกเปรียบเทียบปรับด้วย จึงสอบถามกับนายธเนศ ถึงกรณีดังกล่าว ได้เพิ่มเติมให้ทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวแม้มองจากภายนอกจะดูเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล แต่จากการตรวจสอบในตัวรถพบว่ามีการติดตั้งมิเตอร์โดยสารไว้ แม้ผู้ขับขี่จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าได้นำสายไฟต่างๆที่เป็นส่วนประกอบการทำงานของมิเตอร์ออกไปหมดแล้ว แต่ที่ถูกต้องตามกฎหมายคือภายในรถยนต์ส่วนบุคคลจะต้องไม่มีมิเตอร์โดยสารเลย ซึ่งในส่วนนี้ได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับในข้อหานำรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้รับส่งผู้โดยสาร (ป้ายดำติดมิเตอร์) ระวางโทษปรับระหว่าง 1,000-50,000บาท หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

          สำหรับจักรยานยนต์ป้ายดำที่นำมาใช้รับส่งผู้โดยสาร ตลอดการลงพื้นที่ในวันนี้ยังไม่พบผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าว นายธเนศ ยังฝากถึงผู้ใช้รถทุกประเภทให้ดำเนินการเกี่ยวกับรถของตนเองให้ถูกต้องตามกฎหมาย ยิ่งในช่วงนี้ใกล้จะถึงช่วงเดินทางกลับต่างจังหวัดในเทศกาลสงกรานต์ ควรเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ นอกจากเพื่อความถูกต้องแล้วยังปลอดภัยกับตัวของผู้ขับขี่เองรวมไปถึงผู้โดยสารด้วย ทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ