*ปธน.สหรัฐแถลงนโยบายประจำปี เน้นการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมกัน*

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวแถลงนโยบายประจำปีต่อสมาชิกรัฐสภา โดยประกาศว่า เป็นเวลา 15 ปีมาแล้วที่สหรัฐอเมริกาเผชิญกับการก่อการร้ายในประเทศ และทำให้ชาวอเมริกันในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับสงครามสองด้าน แต่ในเวลานี้วิกฤติเศรษฐกิจผ่านพ้นไปแล้วมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2542 เมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆ สถิติผู้ว่างงานลดลงจากเมื่อเทียบจากช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ มีผู้ที่จบการศึกษามากขึ้น ทั้งเป็นอิสระจากส่วนต่างของการค้าน้ำมันในตลาดโลก ที่สหรัฐต้องเผชิญมาเกือบ 30 ปี

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังประกาศว่าจะสร้างความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยนโยบายที่เขาเรียกว่าเป็นเศรษฐศาสตร์ชนชั้นกลาง ที่เอื้อประโยชน์ต่อชาวอเมริกันทุกคน ส่วนในการนำเสนอกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ในปัจจุบันนั้น ผู้นำสหรัฐ ยืนยันว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งภายใน 2 สัปดาห์จะเริ่มนำเสนอกฎหมายต่อสภาคองเกรส โดยหนึ่งกฎหมายที่จะนำเสนอ ยังมีเรื่องการปราบปรามการโจมตีไซเบอร์

ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่า ในเวลานี้ ภารกิจการสู้รบในอัฟกานิสถานยุติลงแล้ว จากที่มีทหารเกือบ 180,000 นายในอิรักและอัฟกานิสถาน แต่ปัจจุบันมีไม่ถึง 15,000 นาย ซึ่งเขากล่าวยกย่องในความกล้าหาญและความเสียสละ นอกจากนี้ยังกล่าวยกย่องนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดี ที่มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาการว่างงาน ด้วยการปรับปรุงระบบการฝึกงาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำรวจความต้องการแรงงานในตลาด ซึ่งเขาขอให้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการเพิ่มค่าจ้าง ตลอดจนให้โอกาสคนทำงานได้พัฒนาความรู้ความสามารถ นอกจากนี้ยังมีโครงการของรองประธานาธิบดี กับนางมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐในการจ้างงานทหารผ่านศึกและครอบครัวให้มีงานทำเกือบ 700,000 คน ซึ่งเขายังขอร้องผู้ประกอบการรับทหารผ่านศึกเหล่านี้เข้าทำงานเช่นกัน

ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวย้ำหลายครั้งว่าสหรัฐอเมริกามีความเข้มแข็ง และความร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ไม่มีการแบ่งแยกเป็นมลรัฐสีแดงหรือน้ำเงิน และไม่แบ่งแยกสีผิว