นิวซีแลนด์เผย ผลวิจัยโควิด-19 แพร่ระบาดได้บนเครื่องบิน-ระเบียงห้องพักโรงแรม

          ผลวิจัยโดยนักวิจัยนิวซีแลนด์ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในวารสารโรคติดเชื้ออุบัติใหม่(Emerging Infectious Diseases)บ่งชี้ว่า โรคโควิด-19 สามารถจะแพร่ระบาดทั้งบนเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศ และระเบียงห้องพักของโรงแรม นักวิจัยของนิวซีแลนด์เชื่อว่า ละอองลอยในอากาศ (aerosol)ปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พ่นออกจากปากหรือจมูกของคนไข้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 อาจจะเป็นสาเหตุการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 อีกทั้งระเบียงของโรงแรม เป็นมุมอับ ไม่มีอากาศถ่ายเทที่บริเวณระเบียงห้องพักของโรงแรม ทำให้ละอองลอยปนเปื้อนเชื้อโรคโควิด-19 ลอยในอากาศหลายชั่วโมง นับเป็นการระบาดแบบกลุ่มก้อนอีกกลุ่มหนึ่งของนิวซีแลนด์ที่ส่งต่อไปยังครอบครัว

          ก่อนหน้านี้ รัฐบาลนิวซีแลนด์ จัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 747 เช่าเหมาลำไปอพยพผู้โดยสารกลับจากอินเดียเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และจัดให้เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองไครสต์เชิร์ช ซึ่งเป็นสถานที่กักกัน 14 วัน จากการตรวจโรค 2 ครั้งแรกไม่พบการติดโรคโควิด-19 หลังครบกำหนดกักกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อนุญาตให้เดินทางกลับด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำไปยังเมืองอ๊อคแลนด์หลังครบกำหนดกักกัน 14 วัน แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกลับพบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในผู้โดยสารและญาติของผู้ป่วยกลุ่มนี้ รวม 9 คน

          จากการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัส และตรวจสอบกล้องโทรทัศน์ซีซีทีวีย้อนหลัง เพื่อหาความเชื่อมโยง ทีมนักวิจัยของนิวซีแลนด์ พบว่า คนไข้หนึ่งคนติดโรคโควิด-19 บนเครื่องบิน ทั้งๆที่มีการบรรทุกผู้โดยสารเพียงร้อยละ 25 ของความจุทั้งหมดของเครื่องบิน มีพื้นที่เว้นระยะห่างพอสมควรและผู้โดยสารทุกคนสวมหน้ากากอนามัย  ส่วนระหว่างการกักกันในโรงแรม ทีมวิจัยพบว่าผู้โดยสาร 2 คนติดเชื้อโรคโควิด-19 ทั้ง 3 คน พักอยู่คนละห้องแต่พักอยู่ใกล้ๆกัน ก็ติดเชื้อภายในโรงแรงที่ใช้เป็นสถานที่กักตัว

          แม้ว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์จะมีมาตรควบคุมโรคที่เข้มงวด เช่น การกักกันเฝ้าระวัง 14 วันสำหรับผู้โดยสารที่กลับจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เช่น การปิดชายแดนและน่านฟ้า ห้ามเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศบินเข้าประเทศ ควบคู่กับมาตรการเชิงรุก เช่น การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษายังคงเป็นวิธีการสำคัญในการสกัดการแพร่ระบาด

Cr: CNN, Flipboard