ผลการศึกษาโดยองค์กร แคร์ ควอลิตี คอมมิชชั่น (CQC) องค์กรเฝ้าระวังระบบสาธารณสุขของอังกฤษ เปิดเผยว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ทีมวิจัยของ CQC พบว่า คนไข้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปจำนวน 508 คน หรือ ร้อยละ 5.2 จากคนไข้ทั้งหมด 9,679 คนในอังกฤษที่หยุดหายใจ หรือมีภาวะหัวใจหยุดเต้น ถูกปล่อยให้เสียชีวิตโดยไม่มีการช่วยปั๊มหัวใจ ทั้งๆที่คนไข้หรือญาติของคนไข้ไม่ได้ทำข้อตกลงปฏิเสธการกู้ชีพ(DNACPR)กับแพทย์ นอกจากนี้ CQC พบว่า ในบ้านพักผู้สูงอายุแห่งหนึ่ง ผู้พักอาศัยทุกคนที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปซึ่งมีภาวะสมองเสื่อมจะทำข้อตกลงเรื่องการห้ามกู้ชีพ กรณีคนไข้หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นไว้กับสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งโดยปกติแพทย์จะลงนามในคำสั่งนี้ หลังการพูดคุยกับคนไข้ แต่ในกรณีที่คนไข้ไม่สามารถจะพูดคุยโดยตรง ญาติของคนไข้สามารถจะปรึกษากับแพทย์เพื่อทำข้อตกลงแทนได้
CQC พบว่า ในบางกรณี แม้คนไข้จะทำข้อตกลงปฏิเสธการกู้ชีพกับแพทย์ไว้แล้ว และคนไข้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เช่นกรณีของนายจิม อายุ 80 ปีเศษ แต่ลูกสาวของคนไข้ร้องเรียนต่อ CQC ว่า เธอเห็นว่าแพทย์น่าจะปรึกษากับญาติของคนไข้ก่อนว่า เห็นด้วยหรือไม่ กับการที่คนไข้ลงนามในข้อตกลงปฏิเสธการกู้ชีพ เนื่องจากแม้คนไข้ยังแข็งแรง พูดคุยรู้เรื่อง แต่คนไข้อายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอ จึงรู้สึกสับสนและตัดสินใจทำข้อตกลงปฏิเสธการกู้ชีพดังกล่าว
รายงานเรื่องนี้ มีขึ้นหลังกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคมของอังกฤษ เสนอให้สถานพยาบาล รวมถึงสถานดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศทบทวนการจัดทำข้อตกลงเช่นนี้ใหม่ แสดงความกังวลว่าสถานพยาบาลและสถานดูแลผู้สูงอายุอาจจะดำเนินการเรื่องนี้โดยไม่ถูกต้อง และขัดกับความประสงค์ของคนไข้ หรือครอบครัวของคนไข้
Cr: CNN